ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ตนำผู้ต้องหาคดีชิงเงินร้านทองเกษมสุวรรณทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่การติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีชิงทองอีก 3 แห่งยังไร้วี่แวว ผกก.เผยทำเป็นขบวนการใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (18 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นำตัว นายทวีศักดิ์ บัวลาด อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 17 ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.วิจักษข์ ตารมย์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย รอง สว.สส. ด.ต.พรประสิทธิ์ แว่นทอง และ ส.ต.อ.สันติ อุ้ยสวัสดิ์ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมได้ตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ตที่ จ.178/2551 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2551 กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ เงินสด 130,000 บาท ในห้างทองเกษมสุวรรณ เลขที่ 375/13 ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของ น.ส.กษิร ไวยนันท์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็น ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
สำหรับคดนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา คนร้ายก่อเหตุบุกเดียวเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทองและได้เงินสดไปจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 16 เม.ย ที่ผ่านมา และนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าที่ก่อเหตุในครั้งนี้เพราะต้องการนำเงินไปเป็นค่าคลอดบุตรของภรรยา ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นปืนปลอมของเด็กเล่นสีดำหลังก่อเหตุนำไปทิ้งไว้ในแหล่งน้ำหลังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ ก่อนขึ้นรถทัวร์โดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครต่อไปยัง จ.ระยอง แล้วกลับไปยังบ้านเกิด จ.มหาสารคาม จนถูกติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวถึงการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองที่จังหวัดภูเก็ตว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการก่อคดีชิงทรัพย์ร้านทองขึ้น 4 คดี คดีที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นครั้งที่ 4 โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามในการติดตามจับกุมตัวประกอบกับได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอีก 3 คดีนั้นเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายอย่างเต็มที่ และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่าคดีทั้ง 3 คดีนั้นเกิดจากแก๊งชิงทองที่ทำเป็นขวนการใหญ่และมีฐานอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ออกก่อเหตุในหลายๆ พื้นที่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามสืบสวนเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (18 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นำตัว นายทวีศักดิ์ บัวลาด อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 17 ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.วิจักษข์ ตารมย์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย รอง สว.สส. ด.ต.พรประสิทธิ์ แว่นทอง และ ส.ต.อ.สันติ อุ้ยสวัสดิ์ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมได้ตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ตที่ จ.178/2551 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2551 กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ เงินสด 130,000 บาท ในห้างทองเกษมสุวรรณ เลขที่ 375/13 ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของ น.ส.กษิร ไวยนันท์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็น ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
สำหรับคดนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2551 ที่ผ่านมา คนร้ายก่อเหตุบุกเดียวเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทองและได้เงินสดไปจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 16 เม.ย ที่ผ่านมา และนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าที่ก่อเหตุในครั้งนี้เพราะต้องการนำเงินไปเป็นค่าคลอดบุตรของภรรยา ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นปืนปลอมของเด็กเล่นสีดำหลังก่อเหตุนำไปทิ้งไว้ในแหล่งน้ำหลังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ต.ทุ่งทอง อ.กะทู้ ก่อนขึ้นรถทัวร์โดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครต่อไปยัง จ.ระยอง แล้วกลับไปยังบ้านเกิด จ.มหาสารคาม จนถูกติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวถึงการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองที่จังหวัดภูเก็ตว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการก่อคดีชิงทรัพย์ร้านทองขึ้น 4 คดี คดีที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นครั้งที่ 4 โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามในการติดตามจับกุมตัวประกอบกับได้ภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอีก 3 คดีนั้นเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายอย่างเต็มที่ และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่าคดีทั้ง 3 คดีนั้นเกิดจากแก๊งชิงทองที่ทำเป็นขวนการใหญ่และมีฐานอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ออกก่อเหตุในหลายๆ พื้นที่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามสืบสวนเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้