พิจิตร - ตร.พิจิตรโชว์ผลงานรวบได้ยกแก๊ง 5 โจร ใช้เท้าเปล่าถีบล้อหน้า จยย.ให้ล้มแล้วปล้นชิงทรัพย์ ก่อเหตุยามค่ำคืนรับสารภาพทำหลายคดีหาเงินกินเหล้าเมาแล้วออกปล้น
วันนี้ (5 พ.ย.) พ.ต.อ.สันติรักษ์ อินทรขาว ผกก.สภ.เมืองพิจิตร เปิดเผยผลการจับกุมแก๊งคนร้าย 5 คน ที่มีพฤติกรรมใช้เท้าเปล่าถีบล้อหน้า จยย.ให้ล้มแล้วปล้นชิงทรัพย์ ก่อเหตุยามค่ำคืน ว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายปล้นชิงทรัพย์ชาวบ้าน จึงให้ตำรวจออกแกะรอยหาเบาะแส โดยพบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือที่ถูกชิงทรัพย์ไป มีการใช้งานจึงได้ไปจับกุมตัว นายวิชัชย์ สมพงษ์ หรือ “เอ็ม” มาสอบสวนให้การรับสารภาพว่าตนเองและเพื่อนที่ประกอบไปด้วย นายภีรพจน์ ระย้าแก้ว หรือ เชษ, นายอานนท์ อินขาว “หรือโหนก และนายคำรณ อินขาว หรือเป้ ร่วมก่อเหตุด้วย รวม 4 คน
โดยรับสารภาพว่าเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 03.30 น.บริเวณหน้าโรงแรมเฟื่องฟ้า ม.9 ต.ปากทาง อ.เมือง ได้ปล้นชิงทรัพย์ นายพยนต์ ยอดนุ่ม อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 ถ.เจริญศรี ต.ในเมือง อ.เมือง ได้ทรัพย์สิน คือ 1.พระพิจิตรเนื้อชิน ปลายแหลม ฐานมน (เลี่ยมทองหนัก 2 สลึง) 2.พระสมเด็จ 1 องค์ (เลี่ยมเงิน) 3.โทรศัพท์ ยี่ห้อ โนเกีย รุ่น 1208 สีแดง จำนวน 1 เครื่อง 4.กระเป๋าสะพาย ใส่เอกสารราชการต่าง ด้วยการใช้เท้าถีบ รถจักรยานยนต์ ของผู้เสียหาย แล้วลงมาทำร้ายร่างกาย กระชากกระเป๋าสะพายของผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไป
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 04.40 น.บริเวณถนนสายพิจิตร-วังกรด ม.7 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง ผู้เสียหายรายที่สอง คือ นางสมพร วงค์เดชานันท์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ม.11 ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน ถูกคนร้ายกลุ่มเดียวกันชิงทรัพย์เป็น สร้อยคอสแตนเลส พร้อมตระกรุด 3 กษัตริย์ จำนวน 1 ดอก เงินสดจำนวน 500 บาท โดยถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 เวลาประมาณ 05.00 น.บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ม.4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้เสียหาย นางวรรณา มาเพียง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.7 ต.ท่าหลวง อ.เมือง ก็ถูกชิงทรัพย์โดยของที่ถูกปล้นไป ได้แก่ เงินสดจำนวน 1,000 บาท กระเป๋าสะพายสีเทาจำนวน 1 ใบ โดยถูกคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบ คนซ้อนท้ายได้กระชากกระเป๋าสะพายของผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไป
หลังจากสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การับสารภาพ ตำรวจจึงไปตรวจยึดของกลางและรถ จยย.ที่ใช้ในการตก่อเหตุทั้สองคัน เพื่อจะได้ส่งฟ้องศาล ดำเนินคดีต่อไป