ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ซีแพคหวังเพิ่มยอดขายปีนี้ อีก 7% นำ CPAC Belt Conveyor บริการลำเลียงคอนกรีตสำหรับงานขนาดเล็กด้วยระบบสายพานลำเลียงเป็นเจ้าแรก หนุนการเจาะกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยแทน ด้านการก่อสร้างในใต้ล่างยังได้รับผลกระทบต่อ เนื่องจากเหตุความไม่สงบ แต่ยังโชคดีที่หน่วยงานราชการผุดโครงการก่อสร้างด้านความมั่นคงและสถาบันการศึกษาเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน ขณะยอดขายฝั่งอันดามันฉิว
นายกำพล จิรายุเจริญศักดิ์ ผู้จัดการแผนการตลาด ภาคใต้4 กิจการซีแพค เปิดเผยว่า ในปี 2551 ซีแพคตั้งเป้าการเติบโตยอดขายที่ 7% ซึ่งอิงตามแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่ประมาณการว่า จะเติบโตที่ 5% โดยไตรมาส 1 ปี 2551 ภาคใต้มียอดขายโตขึ้น 6-7 % โดยเฉพาะการเติบโตฝั่งอันดามัน ทั้งภูเก็ต กระบี่ ส่วนฝั่งอ่าวไทยได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มทิศทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ไปพร้อมกับการท่องเที่ยว
ในส่วนของภาคใต้ตอนล่างแม้ว่าจะมีพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่เกิดเหตุความไม่สงบและส่งผลกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจลามถึง จ.สงขลาด้วย แต่ภาพรวมเมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ปีก่อนถือว่าปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น ด้วยมีงานหลักของหน่วยงานภาคราชการ สถาบันการศึกษาเพิ่มขึ้น ทั้งการก่อสร้างค่ายทหารใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ อ.นาทวี จ.สงขลา แต่คาดว่าจะทรงตัวต่อเนื่อง ด้วยยังมีปัจจัยลบด้านปัญหาความไม่สงบ
ในช่วงที่ภาคใต้ไม่มีโครงการเมกะโปรเจกต์เข้ามา และเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กระทบถึงงานก่อสร้างของภาคเอกชนด้วยนั้น ซีแพคจึงเน้นกลยุทธ์เจาะกลุ่มงานก่อสร้างรายเล็ก ด้วยดีมานด์ ความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งก่อสร้างใหม่ ต่อเติมและซ่อมแซม ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสี่สำหรับชีวิตประจำวัน โดยเปิดตัว CPAC Belt Conveyor ติดตั้ง Belt ยาว 12 เมตรบนรถโม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่บริการลำเลียงคอนกรีตสำหรับงานขนาดเล็กด้วยระบบสายพานลำเลียง เพื่อประหยัดเวลา แรงงาน ค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับการใช้งานก่อสร้างความสูงไม่เกิน 3 ชั้น ทำงานแนวระนาบได้ 270 องศา เพื่อใช้งานก่อสร้างทั่วไป เช่น งานพื้นลานหน้าบ้าน, งานโรงจอดรถ, ถนนหน้าบ้าน, งานฐานรากที่ยากต่อการลำเลียง, งานเทพื้น Topping ชั้นที่ 2
“ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ราคาน้ำมันสูงเช่นนี้ ทำให้ต้องมีการปรับตัวเองหลายอย่างเพื่อลดต้นทุน ทั้งการบริหารจัดการ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนางานก่อสร้างให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะรถโม่ CPAC Belt Conveyor ที่นำบริการส่งคอนกรีตแบบใหม่เป็นรายแรกของประเทศ และเปิดตัวในจังหวัดหลัก ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และสงขลา ซึ่งหากพื้นที่ใดมีผลตอบรับดีก็จะมีการเพิ่มจำนวนได้ตามความเหมาะสม”
