xs
xsm
sm
md
lg

ภูเก็ตนำซากเครื่องบินทำแหล่งดำน้ำใหม่ - ดึงนักดำน้ำทั่วโลกเข้าพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตจับหน่วยงานเกี่ยวข้องนำซากเครื่องบิน 10 ลำในนาม “ฝูงบินปะการัง” ทำปะการังเทียมที่อ่าวบางเทา หวังเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ ดึงนักดำน้ำจากทั่วโลกดำดิ่งชมความสวยงามและตื่นเต้น ไม่ต่ำกว่าปีละ 3,000 คน รวมทั้งลดความเสื่อมโทรมแนวปะการังตามธรรมชาติที่เป็นจุดดำน้ำ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (13 มี.ค.) นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการจัดสร้างปะการังเทียมเพื่อการท่องเที่ยวดำน้ำจังหวัดภูเก็ต เพื่อพิจารณาการจัดโครงการสร้างปะการังเทียม จากซากเครื่องบินเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่จังหวัดภูเก็ต

โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมดำน้ำทีดีเอ (ประเทศไทย) สมาคมเพื่อทะเล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคใต้เขต 4 ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 (ภูเก็ต) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ฯลฯ เพื่อพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการจัดปะการังเทียมจากซากเครื่องบิน ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดภูเก็ต (POC)

สำหรับโครงการจัดสร้างปะการังเทียมจากซากเครื่องบินเป็นแหล่งท่องเที่ยว และดำน้ำของจังหวัดภูเก็ตนั้น เนื่องจากทางจังหวัดภูเก็ตมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก และเพื่อเป็นการป้องกันแก้ไขปัญหา ลดผลกระทบความเสื่อมจากการใช้ประโยชน์แนวปะการัง และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และระบบนิเวศทางทะเล

โดยเฉพาะแนวปะการังในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จึงได้มีนแนวทางในการจัดหาวัสดุต่างๆ ได้แก่ ซากเครื่องบิน ตู้รถไฟ เรือ และอื่นๆ มาจัดสร้างเป็นปะการังเทียมสำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ของภูเก็ตในพื้นที่อ่าวต่างๆ

จังหวัดภูเก็ตได้มอบหมายให้สมาคมดำน้ำ ทีดีเอ (ประเทศไทย) อบต.เชิงทะเล ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยการทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 4 (ภูเก็ต) และศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการจังหวัดภูเก็ต ประสานกับมูลนิธิเพื่อทะเล ขอรับบริจาคเครื่องบินจากกองทัพอากาศ เพื่อนำมาจัดวางเป็นปะการังเทียมในพื้นที่อ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งทางกองทัพอากาศได้อนุมัติให้เรียบร้อยแล้วจำนวน 10 ลำ

นายวิทเยนทร์ มุตตามระ ตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อทะเล กล่าวว่า โครงการนี้มูลนิธิเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงหลังการเกิดสึนามิ เนื่องจากทางมูลนิธิฯ ได้ลงไปซ่อมแซมแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิและเห็นว่าปะการังในแหล่งดำน้ำของอันดามันมีสภาพที่เสื่อมโทรม จึงได้ดำนเนินการโครงการนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยการขอเครื่องบินจากกองทัพอากาศมาสร้างปะการัง เพราะหากเป็นตู้รถไฟนั้นมีการดำเนินการแล้วในหลายประเทศ แต่เครื่องบินดำเนินการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

โดยขณะนี้กองทัพอากาศได้อนุมัติเครื่องบินปลดประจำการ สำหรับโครงการจัดสร้างปะการังเทียมแล้ว 10 ลำ โดยใช้ชื่อว่า “ฝูงบินปะการัง” เป็นเครื่องบินที่มีประวัติอย่างนานและน่าสนใจ คือ เครื่องบินดาโกต้า Douglas C-47 จำนวน 4 ลำ เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ส่วนปีก 95 ฟุต ยาว 18 เมตร สามารถดำเข้าไปในตัวเครื่องบินได้ และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จุได้ 12 คน อีก 6 ลำ โดยขณะนี้จอดอยู่ที่กองบิน 2 จ.ลพบุรี

“ฝุงบินปะการังนี้เป็นเครื่องบินที่มีประวัติยาวนาน เป็นเครื่องบินที่สหรัฐอเมริกาใช้รบในช่วงสงครามเวียดนามและเกาหลี ซึ่งจะเป็นจุดสนใจและจุดดึงดูดให้นักดำน้ำจากทั่วโลกเดินทางมาดำน้ำที่จุดนี้ก่อนที่จะเดินทางไปดำน้ำต่อที่หมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน เพราะฝูงบินปะการังจะเป็นฝูงบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีเครื่องบินถึง 10 ลำ” นายวิทเยนทร์ กล่าวและว่า

ฝูงบินทั้ง 10 ลำนี้ถือว่ามีความเหมาะสมในการนำมาทำเป็นปะการังเทียมมาก เพราะรูปแบบของเครื่องบินดาโกต้าเป็นรูปแบบที่ไม่ต้านน้ำและคลื่น ไม่ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนแปลง รวมทั้งวัสดุที่ใช้เป็นอะลูมิเนียมไม่ขึ้นสนิม บุบสลายช้า

สำหรับเวลาดำเนินการนั้นจะจัดสร้างซากเครื่องบินในวันที่ 5 พฤษาคม 2551 นี้ ในพื้นที่อ่าวบางเทา ห่างจากชายฝั่ง 1 กิโลเมตร ระดับน้ำลึก 15-20 เมตร เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับซากเรือขุดแร่ มีพื้นที่ทั้งหมด 50 คูณ 50 ตรม.

ด้านนายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า อบต.เชิงทะเลสนับสนุนในส่วนของงบประมาณดำเนินการในการนำเครืองบินจากจังหวัดลพบุรีมาจัดสร้างเป็นปะการังเทียมที่อ่าวบางเทาจำนวน 4 ล้านบาท และได้มีการสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่และผู้ประกอบการแล้ว ซึ่งทั้งหมดเห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะเป็นโครงการที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอีกด้วย

ขณะที่ นายไพทูรณ์ แพรชัยภูมิ หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 (จ.ภูเก็ต) กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดี เพราะจะเป็นโครงการที่เพิ่มแหล่งดำน้ำให้กับภูเก็ต ลดความหนาแน่นของแหล่งดำน้ำตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี โดยขณะนี้ในพื้นที่ภูเก็ตมีแหล่งดำน้ำที่นิยมไปดำกันเพียงจุดเดียวที่เกาะราชาในแต่ละเดือนจะมีนักดำน้ำไปดำสูงถึง 600 คน หากมีจุดนี้เพิ่มขึ้จะลดจำนวนนักดำน้ำที่เกาะราชาได้ระดับหนึ่ง

รวมทั้งยังเป็นแหล่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอีกด้วย และคาดว่าเมื่อปะการังเทียมที่อ่าวบางเทาเสร็จเรียบร้อยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักดำน้ำไม่ต่ำกว่าปีละ 3,000 คน ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นกรณีของเรือคิงครุยเซอร์จมที่ใกล้กองหินมูสัง มีนักดำน้ำไปดำเป็นจำนวนมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น