ศูนย์ข่าวภูเก็ต -สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ตเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ “ไพบูลย์ อุปัติศฤงค์” เปิดตัวลงแข่งขันนายก อบจ.ออกหาเสียงอย่างเป็นทางการเป็นวันแรกแล้ว ชูนโยบายทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม เน้นการทำงานที่โปร่งใส่หัวในติดดิน
สนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเริ่มที่จะเข้มข้นขึ้น หลังจากที่ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ภูเก็ต โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่ นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ได้เปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ตอย่างเป็นทางการในวันนี้ (3 มี.ค.) โดยได้ออกหาเสียงเป็นวันแรกที่ตลาดเกษตรในช่วงเช้าและช่วงบ่ายได้หาเสียงกับข้าราชการที่ อบจ.ภูเก็ต และศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
นายไพบูลย์ กล่าวถึงการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ตในครั้งนี้ ว่า ต้องการเห็นภูเก็ตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากที่ได้ทำหน้าที่วุฒิสภามาเป็นเวลา 6 ปีเต็ม ทำให้ได้เห็นถึงสภาพของภูเก็ตในหลายๆเรื่องที่จะต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
โดยเฉพาะ อบจ.ภูเก็ต ซึ่งในแต่ละปีมีงบประมาณสูงถึงปีละ 600 กว่าล้านบาท การใช้งบประมาณจะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการทำงานเป็นทีมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสและถูกต้อง จึงได้ตัดสินใจลงสมัครับเลือกตั้งนายก อบจ.ภูเก็ต
สำหรับนโยบายในหาเสียง ต้องการทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม โดยเน้นการทำงานที่โปร่งใส หัวใจติดดิน ทำงานโดยไม่มีพรรคการเมืองมาหนุนหลัง ไม่มีการแอบแฝง ทำงานเพื่อประชาชนโดยแท้จริง และคิดว่าน่าที่จะได้รับความไว้วางใจจากชาวภูเก็ต เพราะชาวภูเก็ตรู้จักตนเป็นอย่างดี และที่ผ่านมาการทำงานก็ไม่มีใครมาสั่งได้ ทำงานด้วยความเป็นกลาง
นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงนโยบายการบริหารงาน ว่า จะส่งเสริมให้มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ส่งเสริมให้มีสวนสาธารณะให้มากขึ้น ผลักดันให้มีการใช้วิศวกรรมจราจรแก้ไขปัญหาจราจร จัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ โดยเฉพาะครูที่มีไม่เพียงพอในโรงเรียนทั่วทั้งจังหวัด ส่งเสิรมเบี้ยยังชีพสำหรับผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ สนับสนุนให้มีรถโดยสารฟรีสำหรับนักเรียนนักศึกษา ผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองไอทีซิตี้ ผลักให้มีศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า
สำหรับนายก อบจ.ภูเก็ต นั้น จะครบวาระในวันที่ 13 มีนาคม 2551 และตามกฎหมายจะต้องเลือกตั้งใหม่ให้เสร็จภายใน 60 วัน