ชุมพร - รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ชุมพร ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำระหว่าง “ปิดอ่าว” 3 เดือน ช่วงฤดูปลาวางไข่ ใครฝ่าฝืนดำเนินการตามกฎหมายทันที
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และชาวประมง ให้การต้อนรับ นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ หรือปิดอ่าวในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และฝักเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤษภาคม ของทุกปี
โดยห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดจับปลาในช่วงฤดูดังกล่าว เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้สัตว์น้ำได้มีโอกาสขยายพันธุ์และเป็นการเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การใช้มาตรการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ 26,400 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 16 ล้านไร่ รวม 3 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และ สุราษฎร์ธานี ถือเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาทู ถือเป็นครัวอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ละปีจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาท
โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเป็นประจำทุกปี หลังจากนั้น ได้มอบเกียรติบัตรและรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันประกวดวาดภาพการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ก่อนกล่าวประกาศปิดอ่าวประจำปี 2551 และปล่อยเรือตรวจการประมงทะเลออกปฏิบัติงานลาดตระเวนตรวจสอบจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาตรการประกาศปิดอ่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
จากนั้นได้ร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ปล่อยพันธุ์กุ้งแชบ๋วย จำนวน 3 ล้านตัวลงสู่แม่น้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชนในวันข้างหน้าต่อไป
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มาตรการปิดอ่าวจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างความดี สร้างชีวิต ด้วยการให้โอกาสสัตว์น้ำได้วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน เพื่อเป็นการรักษาวงจรชีวิตของสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์ตลอดไป
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และชาวประมง ให้การต้อนรับ นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ หรือปิดอ่าวในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และฝักเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 15 พฤษภาคม ของทุกปี
โดยห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดจับปลาในช่วงฤดูดังกล่าว เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้สัตว์น้ำได้มีโอกาสขยายพันธุ์และเป็นการเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การใช้มาตรการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ 26,400 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 16 ล้านไร่ รวม 3 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และ สุราษฎร์ธานี ถือเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาทู ถือเป็นครัวอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ละปีจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาท
โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเป็นประจำทุกปี หลังจากนั้น ได้มอบเกียรติบัตรและรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันประกวดวาดภาพการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ก่อนกล่าวประกาศปิดอ่าวประจำปี 2551 และปล่อยเรือตรวจการประมงทะเลออกปฏิบัติงานลาดตระเวนตรวจสอบจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาตรการประกาศปิดอ่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
จากนั้นได้ร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ปล่อยพันธุ์กุ้งแชบ๋วย จำนวน 3 ล้านตัวลงสู่แม่น้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชนในวันข้างหน้าต่อไป
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มาตรการปิดอ่าวจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างความดี สร้างชีวิต ด้วยการให้โอกาสสัตว์น้ำได้วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน เพื่อเป็นการรักษาวงจรชีวิตของสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์ตลอดไป