ปัตตานี - พ่อเมืองปัตตานีประชุมวางมาตรการเข้มงวดประมงผิดกฎหมาย ชี้เพื่อเพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับสัตว์น้ำ ขณะที่ชาวบ้านระบุพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ที่ผ่านมาพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหา
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เรียกกลุ่มตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดปัตตานี ได้แก่พื้นที่อำเภอหนองจิก และอำเภอเมือง ที่ยังคงมีการใช้เครื่องมืออวนลากที่ผิดกฎหมายใช้ทำการประมง
เนื่องจากตลอดระยะที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการผ่อนผันมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกลับเป็นจำเลยของสังคมว่าไม่จัดการกับชาวประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ให้เฉียบขาดเสียที เป็นเหตุให้ทรัพย์สิน หรือเครื่องมือการทำประมงของชาวบ้านที่ถูกต้องได้รับความเสียหายจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น การทำประมงลักษณะนี้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่กำลังเจริญเติบโต กลับต้องถูกลากขึ้นมาทำเป็นอาหารเป็ด จึงทำให้จำนวนสัตว์ต้องลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยอีกว่า ปัตตานีนั้นมีรายได้หลักมาจากการทำประมงประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำ ไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำเศรษฐกิจประมงต่อเนื่องได้ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้หลักของจังหวัดปัตตานี
จึงอยากให้ชาวประมงพื้นบ้านให้ความร่วมมือในการจะประกอบอาชีพที่ใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเราจะได้ร่วมกันรักษาทรัพยากรสัตว์ของปัตตานี เราให้กลับอุดมสมบูรณ์มาอีกครั้ง และปีนี้ทางจังหวัดปัตตานีได้รับการสนับสนุนงบประมาณทำปะการังเทียม เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล สร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและเป็นการสนองพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ท้องทะเลนั้นอุดมสมบูรณ์กลับเช่นเดิม
นายวสันต์ ศรีวัฒนะ ประมงจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางประมงได้มีการตกลงร่วมกันกับชาวประมงเรือพาณิชย์อวนรุนขนาดใหญ่ที่ยังใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายให้มีการสับเปลี่ยนใช้เครื่องมือที่ถูกต้องนำร่องไปแล้ว 20 ลำ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศอ.บต.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังคงมีบางรายที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือ โดยอ้างว่าได้กู้เงินลงทุนมาจำนวนมาก จึงได้มีการบันทึกตกลงที่ไม่มาทำประมงในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีเรียบร้อยไปแล้ว ยังคงเหลือประมงพื้นบ้านที่ใช้ลากข้างโดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ มีจำนวนหลายร้อยลำในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดปัตตานี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าทีของรัฐกับกลุ่มชาวบ้าน ทางจังหวัดจึงได้เรียกตัวแทนประมงลากข้างเข้ามาประชุมเพื่อตกลงร่วมกันก่อนที่จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง
การประชุมในครั้งนี้ ทางจังหวัดโดยกรมประมงยินดีที่จัดหางบประมาณเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายแจกจ่ายให้กับชาวประมง และจะจัดมีการสร้างอาชีพเสริมให้กับชาวประมงเพื่อให้มีรายได้ที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตจริง นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ชาวประมงเสนอแนะความต้องการอื่นๆเพื่อที่จะสามารถประกอบอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างมีความสุข
นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำประมงพื้นบ้าน ให้มีมากขึ้นทางกรมประมงได้กำหนดให้มีแนวเขตประมงพาณิชย์ห่างจากชายฝั่งอีก5400ไมล์ทะเล จากเดิมที่กำหนดเพียง 3000 ไมล์ทะเล
นายมะดาโอะ มะมิง ชาวประมงตำบลรูสะมิแลอำเภอเมืองปัตตานี กล่าวว่า สำหรับชาวประมงคงให้ความร่วมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เคยมีการสับเปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมายมาแล้วและรับปากกับกลุ่มชาวประมงว่าจะมาดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วหลังจากมีการเปลี่ยนเครื่องแล้วกลับหายสาบสูญไม่เป็นอย่างที่พูดไว้
หลังจากนั้นชาวบ้านจึงได้หันกลับใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายเหมือนเดิม จึงทำให้ชาวประมงไม่ค่อยมันใจกับมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐ เหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่มาแก้ไขเพื่อหวังเพียงงบประมาณเท่านั้นเอง โดยเอาปัญหาชาวบ้านมาเป็นข้ออ้าง สุดท้ายชาวบ้านต้องกู้หนี้ยืมสินเหมือนเดิมเพื่อความอยู่รอดไปวันๆ
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เรียกกลุ่มตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดปัตตานี ได้แก่พื้นที่อำเภอหนองจิก และอำเภอเมือง ที่ยังคงมีการใช้เครื่องมืออวนลากที่ผิดกฎหมายใช้ทำการประมง
เนื่องจากตลอดระยะที่ผ่านมาทางจังหวัดได้มีการผ่อนผันมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกลับเป็นจำเลยของสังคมว่าไม่จัดการกับชาวประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ให้เฉียบขาดเสียที เป็นเหตุให้ทรัพย์สิน หรือเครื่องมือการทำประมงของชาวบ้านที่ถูกต้องได้รับความเสียหายจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น การทำประมงลักษณะนี้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่กำลังเจริญเติบโต กลับต้องถูกลากขึ้นมาทำเป็นอาหารเป็ด จึงทำให้จำนวนสัตว์ต้องลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยอีกว่า ปัตตานีนั้นมีรายได้หลักมาจากการทำประมงประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำ ไม่ให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำเศรษฐกิจประมงต่อเนื่องได้ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้หลักของจังหวัดปัตตานี
จึงอยากให้ชาวประมงพื้นบ้านให้ความร่วมมือในการจะประกอบอาชีพที่ใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเราจะได้ร่วมกันรักษาทรัพยากรสัตว์ของปัตตานี เราให้กลับอุดมสมบูรณ์มาอีกครั้ง และปีนี้ทางจังหวัดปัตตานีได้รับการสนับสนุนงบประมาณทำปะการังเทียม เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล สร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและเป็นการสนองพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ท้องทะเลนั้นอุดมสมบูรณ์กลับเช่นเดิม
นายวสันต์ ศรีวัฒนะ ประมงจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางประมงได้มีการตกลงร่วมกันกับชาวประมงเรือพาณิชย์อวนรุนขนาดใหญ่ที่ยังใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายให้มีการสับเปลี่ยนใช้เครื่องมือที่ถูกต้องนำร่องไปแล้ว 20 ลำ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ศอ.บต.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังคงมีบางรายที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องมือ โดยอ้างว่าได้กู้เงินลงทุนมาจำนวนมาก จึงได้มีการบันทึกตกลงที่ไม่มาทำประมงในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีเรียบร้อยไปแล้ว ยังคงเหลือประมงพื้นบ้านที่ใช้ลากข้างโดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ มีจำนวนหลายร้อยลำในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดปัตตานี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าทีของรัฐกับกลุ่มชาวบ้าน ทางจังหวัดจึงได้เรียกตัวแทนประมงลากข้างเข้ามาประชุมเพื่อตกลงร่วมกันก่อนที่จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง
การประชุมในครั้งนี้ ทางจังหวัดโดยกรมประมงยินดีที่จัดหางบประมาณเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ถูกต้องตามกฎหมายแจกจ่ายให้กับชาวประมง และจะจัดมีการสร้างอาชีพเสริมให้กับชาวประมงเพื่อให้มีรายได้ที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตจริง นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ชาวประมงเสนอแนะความต้องการอื่นๆเพื่อที่จะสามารถประกอบอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างมีความสุข
นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำประมงพื้นบ้าน ให้มีมากขึ้นทางกรมประมงได้กำหนดให้มีแนวเขตประมงพาณิชย์ห่างจากชายฝั่งอีก5400ไมล์ทะเล จากเดิมที่กำหนดเพียง 3000 ไมล์ทะเล
นายมะดาโอะ มะมิง ชาวประมงตำบลรูสะมิแลอำเภอเมืองปัตตานี กล่าวว่า สำหรับชาวประมงคงให้ความร่วมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เคยมีการสับเปลี่ยนเครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมายมาแล้วและรับปากกับกลุ่มชาวประมงว่าจะมาดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วหลังจากมีการเปลี่ยนเครื่องแล้วกลับหายสาบสูญไม่เป็นอย่างที่พูดไว้
หลังจากนั้นชาวบ้านจึงได้หันกลับใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายเหมือนเดิม จึงทำให้ชาวประมงไม่ค่อยมันใจกับมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐ เหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่มาแก้ไขเพื่อหวังเพียงงบประมาณเท่านั้นเอง โดยเอาปัญหาชาวบ้านมาเป็นข้ออ้าง สุดท้ายชาวบ้านต้องกู้หนี้ยืมสินเหมือนเดิมเพื่อความอยู่รอดไปวันๆ
