กระบี่ - ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 ตรวจติดตาม 3 กลยุทธ์หลัก การถ่ายโอนภารกิจ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และบริการพื้นฐานแก่ประชาชน ที่กระบี่
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดกระบี่ ในโอกาสเดินทางติดตามแผนงาน/โครงการ ประจำปีงบประมาณปี 2551 ว่า มีการติดตามใน 3 เรื่องหลัก
เรื่องแรกเป็นเรื่องของกลยุทธ์การถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากนโยบายในปี 2551 มีความแตกต่างจากปี 2550 ในหลายเรื่อง โดยรัฐบาลได้กระจายเงินมาให้ท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา อาหารกลางวัน เรื่องเกี่ยวกับเด็ก เป็นต้น
จากการหารือเบื้องต้น พบว่า ไม่มีปัญหาและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากท้องถิ่นจะเป็นผู้ที่ทราบปัญหาเป็นอย่างดี แต่ก็ได้ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดติดตามการใช้จ่ายของแต่ละโครงการอย่างใกล้ชิดด้วย
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 2 ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม มีการติดตามในเรื่องของปัญหาลุ่มน้ำจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพบว่า จังหวัดที่ไม่มีปัญหาเรื่องของแหล่งน้ำ คือ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากได้มีการจัดเตรียมแหล่งน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภคมากพอ
ส่วนปัญหาขยะและมลพิษอื่นๆ ทราบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดทำโครงการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในด้านการบริหารจัดการ และได้มีการหารือภาพรวมของจังหวัดเกี่ยวกับการจำกัดขยะ ที่เป็นปัญหาเนื่องจากมีปริมาณมากและเตาเผาที่มีอยู่ไม่เพียงพอรองรับ รวมถึงปัญหาที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงแต่ก็ได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังไว้ด้วย
ส่วนจังหวัดกระบี่ การแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ได้จัดสร้างฝายตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่ขาดเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ส่วนการจัดการในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทราบว่าบางโรงงานในจังหวัดกระบี่ ได้นำน้ำเสียที่เกิดจากขบวนการผลิต มาผลิตเป็นไบโอแก๊ส
ส่วนเรื่องอื่นๆ ได้สั่งการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน ได้เน้นย้ำให้เข้าไปดูแลการบริหารจัดการที่เหมาะสม การดูแลโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะมีจำนวนครูไม่เพียงพอกับชั้นเรียนและจะต้องมีการดำเนินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะทำให้เด็กมีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกันทุกโรงเรียน
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดกระบี่ ในโอกาสเดินทางติดตามแผนงาน/โครงการ ประจำปีงบประมาณปี 2551 ว่า มีการติดตามใน 3 เรื่องหลัก
เรื่องแรกเป็นเรื่องของกลยุทธ์การถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากนโยบายในปี 2551 มีความแตกต่างจากปี 2550 ในหลายเรื่อง โดยรัฐบาลได้กระจายเงินมาให้ท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา อาหารกลางวัน เรื่องเกี่ยวกับเด็ก เป็นต้น
จากการหารือเบื้องต้น พบว่า ไม่มีปัญหาและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากท้องถิ่นจะเป็นผู้ที่ทราบปัญหาเป็นอย่างดี แต่ก็ได้ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดติดตามการใช้จ่ายของแต่ละโครงการอย่างใกล้ชิดด้วย
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 2 ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม มีการติดตามในเรื่องของปัญหาลุ่มน้ำจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพบว่า จังหวัดที่ไม่มีปัญหาเรื่องของแหล่งน้ำ คือ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากได้มีการจัดเตรียมแหล่งน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภคมากพอ
ส่วนปัญหาขยะและมลพิษอื่นๆ ทราบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดทำโครงการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในด้านการบริหารจัดการ และได้มีการหารือภาพรวมของจังหวัดเกี่ยวกับการจำกัดขยะ ที่เป็นปัญหาเนื่องจากมีปริมาณมากและเตาเผาที่มีอยู่ไม่เพียงพอรองรับ รวมถึงปัญหาที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงแต่ก็ได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังไว้ด้วย
ส่วนจังหวัดกระบี่ การแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ได้จัดสร้างฝายตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่ขาดเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ส่วนการจัดการในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทราบว่าบางโรงงานในจังหวัดกระบี่ ได้นำน้ำเสียที่เกิดจากขบวนการผลิต มาผลิตเป็นไบโอแก๊ส
ส่วนเรื่องอื่นๆ ได้สั่งการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน ได้เน้นย้ำให้เข้าไปดูแลการบริหารจัดการที่เหมาะสม การดูแลโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะมีจำนวนครูไม่เพียงพอกับชั้นเรียนและจะต้องมีการดำเนินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะทำให้เด็กมีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกันทุกโรงเรียน
