ยะลา - รมว.กลาโหม และคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังสรุปผลการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าและกองกำลังตำรวจ และเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบเหตุถูกสะเกิดระเบิดกลางตลาดเช้า
วันนี้ (16 ม.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ห้องวอร์รูม ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้ายะลา พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดยะลา เข้าตรวจเยี่ยมพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติภารกิจการรักษาความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา และมอบแนวทางการปฏิบัติงาน
โดยมี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า หัวหน้าศูนย์ส่วนงานในสังกัดกองกำลังตำรวจ ให้การต้อนรับ พร้อมเข้ารับฟังสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการข่าว การจัดตั้ง ภารกิจ และนโยบายที่สำคัญของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ผลการดำเนินคดีสำคัญ การขอรับการสนับสนุนเครื่องมือและอาวุธยุทโธปกรณ์ ในการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายตำรวจ เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงวิธีการรักษาความสงบต่อไป
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการมารับฟังสถานการณ์และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเชื่อว่าการปฏิบัติงานของตำรวจได้ดำเนินการไปในหลักยุติธรรม อำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ ให้โอกาสแก่ผู้ถูกจับกุมในการต่อสู้คดีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองสามารถบูรณาการณ์การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พล.อ.บุญรอด ยังได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในเทศบาลนครยะลา โดยได้เข้าเยี่ยมนางวัชราภา รังสิมันต์รัตน์ ซึ่งโดนระเบิดที่บริเวณแผงขายอาหารย่านชุมชนถนนผังเมือง 4 เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีอาการสาหัสยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 39 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 6 ราย และยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เนื่องจาก รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลง ประกอบกับต้องการติดตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ใน 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1.กรณีของข่าวที่พบว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลข่าวสาร ซึ่งก็ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
2.กรณีผู้ต้องหาหลบหนีออกจากห้องขัง โดยได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะการเร่งตรวจสอบและสืบสวนติดตาม กลุ่มคนร้ายดังกล่าว และยังก็เชื่อได้ว่ากลุ่มผู้หลบหนียังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ และเรื่องที่ 3 คือ เหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดและซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารจนทำให้เสียชีวิต 8 ศพ ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าคนร้ายได้ให้การรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว 2 ราย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การปฏิบัติงานที่ผ่านมาการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ถูกต้องแล้วที่ใช้รูปแบบการเมืองนำการทหาร เพียงแต่ในพื้นที่ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่จะใช้ในการตรวจสอบค้นหา จับกุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้นำไปพิจารณาและพร้อมให้การสนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือในการทำงานตามที่หน่วยต่างๆ ได้ร้องขอไปแล้ว