นครศรีธรรมราช – สำนักงานการค้าภายในเมืองนครศรีธรรมราช ชี้ชาวบ้านตื่นข่าวน้ำมันพืชแพง แห่ซื้อตุนส่อขาดตลาด ขณะที่น้ำมันเถื่อนยังทะลักพ่อค้ายันช่วยชาวบ้านได้
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดสินค้าน้ำมันพืชบริโภคในนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม และถั่วเหลือง มีน้อยส่วนหนึ่งเกิดจากการตื่นข่าวของชาวบ้านที่แห่ไปซื้อกักตุนก่อนที่จะแพงมากขึ้นจากเดิมซื้อ 1-2 ขวดกลายเป็น 4-5 หรือครึ่งโหลแทน ทำให้สินค้าในตลาดมีน้อยเรียกว่าตึงตัวแต่ยังไม่ถึงกับขาดแคลน ซึ่งส่วนนี้สามารถที่จะเข้าตรวจสอบได้ถึงการกักตุนสินค้าของผู้ค้า แต่ยังพบว่ามีช่องว่างมักจะมีบิลผีอ้างว่าได้ขายไปแล้ว ซึ่งตรงนี้ได้กระจายเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยต้องอาศัยประชาชนส่วนหนึ่งด้วยในการแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบทันที
นายไพโรจน์ สงวนนามสกุล ผู้ค้าเครื่องบริโภครายใหญ่รายหนึ่งในย่านการค้าตลาดพืชผล อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยในเรื่องเดียวกันนี้ว่าแม้สถานการณ์น้ำมันพืชในตลาดค่อนข้างมีปัญหา แต่ในส่วนของผู้ค้ารายย่อยลงไปถึงตลาดชาวบ้านที่นิยมแบ่งซื้อน้ำมันเป็นกิโลกรัมในย่านชานเมืองและชนบท
โดยน้ำมันในลักษณะนี้เป็นน้ำมันเถื่อนที่นำเข้ามาจากตลาดมืดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้ โดยจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันพืชปกติในท้องตลาดประมาณ 4-5 บาท แบ่งขายได้และลดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร
“แต่ที่เราสงสัยอยู่เหมือนกันคือข่าวที่บอกว่ามาเลเซียน้ำมันปาล์มกำลังมีแนวโน้มขาดตลาด กำลังวิเคราะห์เพราะถือว่ามาเลเซียถือเป็นยักษ์ใหญ่ของการผลิตปาล์มน้ำมัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าปริมาณน้ำมันนอกระบบกำลังไหลเข้าสู่ประเทศไทย ขณะเดียวกัน อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมันบริโภคภายในประเทศมีปัญหาคือการซื้อน้ำมันปาล์มของ ปตท.ที่เอาไปผลิตไบโอดีเซล ทำให้ปริมาณน้ำมันพืชในตลาดหายไปหรือช๊อคไปนั่นเอง” นายไพโรจน์กล่าว
จากการตรวจสอบตามร้านค้าขายของชำภายในหมู่บ้าน และตามแหล่งชุมชนต่างๆ พบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้ซื้อน้ำมันที่บรรจุถุงละ 1 กิโลกรัมมาแบ่งขายถุงละ 5-10 บาทเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมากเพราะเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช่จ่ายได้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีแม่ค้ารายหนึ่งที่มีร้ายขายของชำขนาดเล็กได้กล่าวว่า สำหรับน้ำมันบรรจุถุงนั้นได้ซื้อมาวางขายนานแล้วตั้งแต่เศรษฐกิจยังอยู่ในระดับดีเดิมทีนั้นกิโลกรัมละ 38 บาท และขึ้นราคาเป็น 40 บาท
โดยขณะนี้พบว่าน้ำมันบรรจุถุงได้ขึ้นราคาเป็นกิโลกรัมละ 45 บาท แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันบรรจุถุงมาวางขายเพราะผู้บริโภคบางรายมีรายได้น้อยจะซื้อน้ำมันทีละ 1 ขวดก็เกินความจำเป็นส่วนใหญ่แต่ละรายจะซื้อครั้งละ 5 บาท หรือ 10 บาทตามความต้องการที่จะนำมาประกอบอาหารในแต่ละวัน
ส่วนบรรยากาศในห้างค้าปลีกรายใหญ่หลายรายในนครศรีธรรมราช มีรายงานว่ายังมีการจำหน่ายน้ำมันพืชเป็นปกติ แต่ปริมาณการจัดวางนั้นมีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดสินค้าน้ำมันพืชบริโภคในนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม และถั่วเหลือง มีน้อยส่วนหนึ่งเกิดจากการตื่นข่าวของชาวบ้านที่แห่ไปซื้อกักตุนก่อนที่จะแพงมากขึ้นจากเดิมซื้อ 1-2 ขวดกลายเป็น 4-5 หรือครึ่งโหลแทน ทำให้สินค้าในตลาดมีน้อยเรียกว่าตึงตัวแต่ยังไม่ถึงกับขาดแคลน ซึ่งส่วนนี้สามารถที่จะเข้าตรวจสอบได้ถึงการกักตุนสินค้าของผู้ค้า แต่ยังพบว่ามีช่องว่างมักจะมีบิลผีอ้างว่าได้ขายไปแล้ว ซึ่งตรงนี้ได้กระจายเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยต้องอาศัยประชาชนส่วนหนึ่งด้วยในการแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบทันที
นายไพโรจน์ สงวนนามสกุล ผู้ค้าเครื่องบริโภครายใหญ่รายหนึ่งในย่านการค้าตลาดพืชผล อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยในเรื่องเดียวกันนี้ว่าแม้สถานการณ์น้ำมันพืชในตลาดค่อนข้างมีปัญหา แต่ในส่วนของผู้ค้ารายย่อยลงไปถึงตลาดชาวบ้านที่นิยมแบ่งซื้อน้ำมันเป็นกิโลกรัมในย่านชานเมืองและชนบท
โดยน้ำมันในลักษณะนี้เป็นน้ำมันเถื่อนที่นำเข้ามาจากตลาดมืดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านได้ โดยจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันพืชปกติในท้องตลาดประมาณ 4-5 บาท แบ่งขายได้และลดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร
“แต่ที่เราสงสัยอยู่เหมือนกันคือข่าวที่บอกว่ามาเลเซียน้ำมันปาล์มกำลังมีแนวโน้มขาดตลาด กำลังวิเคราะห์เพราะถือว่ามาเลเซียถือเป็นยักษ์ใหญ่ของการผลิตปาล์มน้ำมัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าปริมาณน้ำมันนอกระบบกำลังไหลเข้าสู่ประเทศไทย ขณะเดียวกัน อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมันบริโภคภายในประเทศมีปัญหาคือการซื้อน้ำมันปาล์มของ ปตท.ที่เอาไปผลิตไบโอดีเซล ทำให้ปริมาณน้ำมันพืชในตลาดหายไปหรือช๊อคไปนั่นเอง” นายไพโรจน์กล่าว
จากการตรวจสอบตามร้านค้าขายของชำภายในหมู่บ้าน และตามแหล่งชุมชนต่างๆ พบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้ซื้อน้ำมันที่บรรจุถุงละ 1 กิโลกรัมมาแบ่งขายถุงละ 5-10 บาทเป็นที่ต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมากเพราะเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช่จ่ายได้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีแม่ค้ารายหนึ่งที่มีร้ายขายของชำขนาดเล็กได้กล่าวว่า สำหรับน้ำมันบรรจุถุงนั้นได้ซื้อมาวางขายนานแล้วตั้งแต่เศรษฐกิจยังอยู่ในระดับดีเดิมทีนั้นกิโลกรัมละ 38 บาท และขึ้นราคาเป็น 40 บาท
โดยขณะนี้พบว่าน้ำมันบรรจุถุงได้ขึ้นราคาเป็นกิโลกรัมละ 45 บาท แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันบรรจุถุงมาวางขายเพราะผู้บริโภคบางรายมีรายได้น้อยจะซื้อน้ำมันทีละ 1 ขวดก็เกินความจำเป็นส่วนใหญ่แต่ละรายจะซื้อครั้งละ 5 บาท หรือ 10 บาทตามความต้องการที่จะนำมาประกอบอาหารในแต่ละวัน
ส่วนบรรยากาศในห้างค้าปลีกรายใหญ่หลายรายในนครศรีธรรมราช มีรายงานว่ายังมีการจำหน่ายน้ำมันพืชเป็นปกติ แต่ปริมาณการจัดวางนั้นมีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด