ธุรกิจโลจิสติกส์ ประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง และหนึ่งในนั้น คือ การบริหารคลังสินค้า ซึ่งในช่วงที่การค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ เติบโตอย่างมาก ธุรกิจโลจิสติกส์ เติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะกิจการคลังสินค้าให้เช่า และใครจะเชื่อว่า ถ้าย้อนไปสัก 10 ปี นักธุรกิจไทยไม่มีใครคิดถึงกิจการคลังสินค้าเลย เมื่อมาถึงวันนี้ ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีคลังสินค้าที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งมาจากคลังสินค้าไทย ที่ใช้ชื่อ ว่า SIAMJNK คลังสินค้าพรีเมี่ยมไปคว้ารางวัลระดับโลก
90 ประเทศทั่วโลก ยกให้คลังสินค้าไทยสุดยอดนวัตกรรม
โดยได้รับรางวัล PRIX D’EXCELLENCE ประเภทคลังสินค้านวัตกรรมและบูทีค จาก FIABCI สมาคมอสังหาริมทรัพย์สากล ที่ได้รับการยอมรับจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จาก 90 ประเทศทั่วโลก
สำหรับ SIAMJNK ผู้บริหารคลังสินค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The First Boutique Warehouse in Thailand” เพียงไม่กี่รายในประเทศไทย และในอาเซียน และด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบคลังสินค้าที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ ไม่ให้เป็นแค่เพียงโกดังเก็บสินค้าเท่านั้น แต่ยังได้เปิดพื้นที่ให้กับผู้เช่าได้ทำกิจกรรมที่เป็นเสมือนออฟฟิศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ที่ผู้เช่าสามารถเข้าไปทำกิจกรรมได้อย่างที่ต้องการ เป็นมิติใหม่ให้กับธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และในอาเซียน
ประสบการณ์ 25 ปีทำคลังสินค้า กว่าจะมาเป็น WLUBHOUSE คลังสินค้ามาตรฐานทางเลือก
นายธิติ คัณธามานนท์ ประธานบริหาร SIAMJNK Group เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เปิดให้บริการ WLUBHOUSE นวัตกรรมของการให้บริการคลังสินค้า ซึ่งเกิดขึ้นจากประสบการณ์บริหารคลังสินค้าที่มีมากว่า 25 ปี ทำให้ทราบความต้องการผู้เช่าใน 3 ประเด็นหลัก คือ Location , Security , Facilities พร้อมกับนี้ ทางบริษัทได้เติมเต็ม Passions ด้วย Design ที่เปลี่ยนภาพจำคลังสินค้าไปจากเดิม พร้อมบริการที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เช่า เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพชีวิต
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ที่ผ่านมา SIAMJNK เป็นผู้บริหารคลังสินค้าที่เข้าถึงใจผู้เช่าได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นขนาดถนนเข้า-ออกโครงการที่มีความกว้างรองรับรถเทรลเล่อร์ สามารถเข้าออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยระบบกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้ ภายในโครงการ ยังออกแบบเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการ อาทิ ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา จัดพื้นที่สันทนาการ และรับรองแขกพิเศษของผู้เช่า โดยเฉพาะอาคารคลับเฮาส์ Clubhouse ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของคลังสินค้า โดดเด่นด้วยคอนเซปต์การออกแบบ ช่วยสร้างสังคมผู้ประกอบการ ให้กับผู้เช่าให้แตกต่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ออกแบบคลังสินค้าตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องการความหยืดหยุ่น
“การนำร่องด้วย Concept Idea ที่ฉีกกฎของคลังสินค้าแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ SIAMJNK สู่ความเป็นเลิศด้วยบริการ นอกจากนี้ ยังได้ช่วยเหลือผู้เช่าในการออกแบบจัดวางผังเก็บสินค้าโดยวิศวกรอาชีพผ่านกระบวนการ Work study ตัวช่วยผู้เช่าในการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และทางโครงการยังมีบริการรถโฟล์คลิฟท์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และบริการแจ้งซ่อมผ่านระบบ Dotify ช่วยให้ผู้เช่าติดตามการซ่อมแซมแบบ Realtime ทั้งหมดช่วยเติมเต็มให้ผู้เช่าได้รับบริการที่ดีที่สุด
ทั้งหมด เป็นที่มาของการได้รับรางวัล PRIX D’EXCELLENCE จาก FIABCI ซึ่งยังช่วยตอกย้ำ วิสัยทัศน์ที่เราบุกเบิกมาในฐานะผู้บริหารคลังสินค้า ด้วยนวัตกรรม WLUBHOUSE และทำให้ SIAMJNK ไม่ใช่เพียงผู้บริหารคลังสินค้า แต่เป็นผู้สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ ไม่ได้มองเพียงโครงสร้างอาคารที่เป็นคลังสินค้ามองลึกถึงความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ลูกค้าเหมือนพาร์ทเนอร์ที่เติบโต ไปพร้อมกัน ตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องการความยืดหยุ่นกับสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนเสมอ”
กลุ่มลูกค้าตั้งแต่ขนาดใหญ่มาจนถึง ผปก.รายเล็ก
ปัจจุบัน SIAMJNK มี คลังสินค้า อยู่ใน 7 ทำเล คือ สาทร-ถนนจันทน์ ,ราษฏร์บูรณะ,ลาดพร้าว 87 ,วิภาวดี- สุทธิสาร ,พระสมุทรเจดีย์ ,สำโรง และ Chinatown ทรงวาด แต่ละแห่งจะมีระยะห่างจากทางด่วนและรถไฟฟ้าไม่เกิน 3 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 200 ตารางเมตร ไปจนถึง 5,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจระดับใหญ่ ที่มีความต้องการมาตรฐานคลังสินค้าการบริการคลังสินค้าระดับสากล ด้วยสัดส่วนอยู่ที่ 30% และ ผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังเติบโตและต้องการคลังสินค้าที่ได้มาตรฐานรองรับ และสุดท้ายคือกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ในกลุ่มตลาดล่างถึงกลาง ซึ่งเดิมจะเก็บสินค้าในอาคารพาณิชย์ หรือ โรงงานเก่า แต่วันนี้ ต้องการระบบที่ได้มาตรฐาน และต้องการย้ายมาอยู่ใจกลางเมือง ก็จะเลือกใช้บริการ SIAMJNK โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากถึง 70%
ทำงานภายใต้ แนวคิด ESG นำพาองค์กรสู่ความยั่งยืน
นายธิติ กล่าวว่า สำหรับเทรนด์ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในรูปแบบของ ESG (Environment ,Social,Governance) เป็นแนวคิดพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนโดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว ที่ทุกหน่วยงานกำลังต้องการจะทำให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่ง SIAMJNK ได้ดำเนินการตามหลักคิดดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนสู่สังคม ในรูปแบบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทุกปี การสนับสนุนกิจกรรมกีฬา นี่เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง ESG ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์ธุรกิจ
วิเคราะห์ โอกาสความท้าทายของอุตสาหกรรมโลจิสต์ไทย
นายธิติ กล่าวถึง แนวโน้ม โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว จากปัญหาสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา - จีน ,การประกาศอัตราภาษีของสหรัฐอเมริกากับคู่ค้า และปัญหาสถานการณ์สงครามในแต่ละภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ และเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางเครื่องบินแทน และความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค และมีราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะผันผวน กระทบโดยตรงต่อต้นทุนโลจิสติกส์
อย่างไรก็ดี การพัฒนาด้านโลจิสติกส์ ของไทย มีโอกาสอย่างมาก เพราะด้วยไทยเป็นศูนย์กลางภาคพื้นอินโดจีน ซึ่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญที่มีการย้ายฐานการผลิตมาในภูมิภาคนี้ เพราะมีแรงงานราคาถูกรองรับ และ มีพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค ที่พร้อม ประกอบกับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐเรียกเก็บจาก 2 ประเทศมหาอำนาจ อย่าง จีน และอินเดียที่สูงมาก ทำให้มีการย้ายฐานการผลิต ครั้งสำคัญ เชื่อว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า เป้าหมายไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ มีความเป็นไปได้สูง และ เมื่อนั้นต้นทุนโลจิสติกส ของไทยลดลง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยเฉิดฉายยิ่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับภายในประเทศไทยเอง แม้ภาพรวมดูเหมือนว่าเศรษฐกิจจะดูชะลอตัว แต่อานิสงส์การย้ายฐานการผลิต และธุรกิจ E – commerce ที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง การเติบโตของสังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้าน AI เป็นตัวเร่ง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยเติบโต และก่อให้เกิดการพัฒนาคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน เพราะหลายคนเริ่มมองหาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนและสร้างมาตรฐานให้ดียิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากคลังสินค้าแบบดั้งเดิมไปสู่คลังสินค้าสมัยใหม่ลูกค้าจะมีความต้องการพื้นที่คลังสินค้ามีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ความผันแปรทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์เศรษฐกิจซึ่งเป็นโอกาสของ SIAMJNK ที่วางตำแหน่งตัวเองไว้ชัดเจน ในฐานะผู้นำการเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้ามาตรฐานสากลในพิกัดใจกลาง CBD ของไทย
“เจ้าของ SIAMJNK” กล่าวว่า บริษัทฯได้วางเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีนี้ SIAMJNK จะได้มีโอกาสไปเปิดตลาดในภูมิภาคอาเซียน ที่ล่าสุดได้มีการศึกษาตลาดคล้ายคลึงกับกรุงเทพ อย่างสิงคโปร์ ที่มีพื้นที่จำกัด แต่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี รวมถึงการสนับสนุนของภาครัฐให้เกิด Business Matching กับเวียดนาม ประเทศคู่ค้าที่มีอัตราการเติบโต GDP ร้อนแรงที่สุดของภูมิภาคอาเซียน
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด