WHA โชว์ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2568 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และมีกำไรสุทธิ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% “จรีพร” มั่นใจศก.ไทยยังน่าสนใจ แม้เผชิญความท้าทายรอบด้าน ด้วยภูมิรัฐศาสตร์และที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทย การเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจรที่มีความพร้อมทั้งจากระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงด้านพลังงาน - พลังงานหมุนเวียน และแรงงานที่มีศักยภาพเชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยครึ่งปีหลังปี 2568 จ่อเซ็นสัญญาขายที่ดินลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิค-เครื่องใช้ไฟฟ้า-กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ รวมกว่า 1,000 ไร่
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่า บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และกำไรปกติ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นของ 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ - ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม - ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) และไฟฟ้า - ธุรกิจดิจิทัล - ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้รับอานิสงส์จากการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้ต่อเนื่อง ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เติบโตตามพื้นที่ให้เช่าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART มูลค่ารวม 808 ล้านบาท
โดยธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตโดดเด่น โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,163,552 ตร.ม. โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ สำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 ทั้งสิ้น 556 ล้านบาท และ 1,048 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทสามารถลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่ม รวม 123,237 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 2,153 ล้านบาท และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 46,540 ตร.ม.
บริษัทเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพในประเทศไทย พื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนา - ตราด กม. 23 Inbound ขณะเดียวกัน ศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศเวียดนาม พื้นที่ 37,500 ตร.ม. ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน ล่าสุดยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง MOU กับรัฐบาลท้องถิ่น จังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่
“บริษัทประสบความสำเร็จในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART พื้นที่รวม 32,524 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเป้าหมายทั้งปี ในการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ฯ พื้นที่ราว 70,000 ตร.ม. มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท”
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในครึ่งปีแรก 2568 มียอดขายที่ดินรวม จำนวน 1,105 ไร่ โดยสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 รวม 1,276 ล้านบาท และ 4,857 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสาเหตุที่รายได้และส่วนแบ่งกำไรครึ่งปีแรก 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากราคาขายที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับยอดโอนที่ดินรวมในครึ่งปีแรกที่ยังอยู่ในระดับสูง ตามภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน/การผลิตและการขยายธุรกิจ มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้า 1,467 ไร่ และยอด Outstanding LOI/ MOU ที่อยู่ในระดับสูง จำนวน 1,427 ไร่ สะท้อนถึงความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับสูง
ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อซื้อที่ดิน อาทิ บริษัทอิเล็กทรอนิคและเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นที่รวม 530 ไร่ และบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ ที่มีแผนซื้อที่ดิน กว่า 470 ไร่ เพื่อตั้งฐานการผลิตในไทย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้า ภายในครึ่งปีหลังปี 2568 นี้
ปัจจุบัน WHA Group มีทั้งหมด 16 นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยและเวียดนาม และมีพื้นที่นิคมฯ ในประเทศไทย ที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนา รวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,900 ไร่ โดยโครงการล่าสุด ได้แก่ WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 เฟส 1 และ 2 พื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่ คาดว่าที่ดินแปลงแรก พร้อมโอนให้แก่ลูกค้าได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2569 นี้
ส่วนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม บริษัทมีนิคมฯ ที่พัฒนาแล้ว พื้นที่ 3,125 ไร่ (500 เฮกตาร์) ได้แก่ WHA Industrial Zone 1 – Nghe An ที่จังหวัดเหงะอาน (Nghe An) และ อีก 3 โครงการมีแผนการดำเนินการก่อสร้างในช่วงปี 2568 – 2569 พื้นที่รวม 3,353 ไร่ (537 เฮกตาร์) และยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hóa), จังหวัดดานัง (Da Nang) และจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย
ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ครึ่งปีแรก 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจสาธารณูปโภครวม โดยในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 824 ล้านบาท และ 1,572 ล้านบาท ตามลำดับ จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 40.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 80.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ โดยเป็นยอดจำหน่ายน้ำภายในประเทศ ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 30.8 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 61.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า จากปริมาณยอดขายน้ำให้กับลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีที่ลดลง ขณะที่ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มมีการเติบโตโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29%
ด้านประเทศเวียดนาม บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
ธุรกิจไฟฟ้า ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2568 รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 123 ล้านบาท และ 254 ล้านบาท ตามลำดับ และมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าเท่ากับ 162 ล้านบาท และ 338 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีการเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 13 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 11 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม จำนวน 315 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 991 เมกะวัตต์
“ครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 98 กิกะวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 18% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 จำนวนกว่า 100 เมกะวัตต์ และยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ
ธุรกิจดิจิทัล ผลักดันสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมและการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ Mobilix Software Solution แพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ เพื่อสนับสนุนธุรกิจโมบิลิตี้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด และยังได้เปิดให้บริการ WHASApp แอปพลิเคชัน
ธุรกิจโมบิลิตี้ มุ่งขยายธุรกิจโมบิลิตี้ Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ให้ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ซึ่งประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยสิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 372 คัน
นางสาวจรีพร กล่าวว่า บริษัทมั่นใจเศรษฐกิจไทยยังน่าสนใจ แม้เผชิญความท้าทายรอบด้าน ด้วยภูมิรัฐศาสตร์และที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทย การเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจรที่มีความพร้อมทั้งจากระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงด้านพลังงาน - พลังงานหมุนเวียน และแรงงานที่มีศักยภาพเชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาขายที่ดินลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิค เครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ รวมกว่า 1,000 ไร่