ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวฮือฮาเกี่ยวกับชุดที่ “ลิซ่า BLACKPINK” “ลลิษา มโนบาล” สวมใส่เพื่อเข้าร่วมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ Monaco F1 Grand Prix 2024 บนเรือยอชท์ของ Tag Heuer ที่จัดขึ้นในโมนาโก ด้วยชุดสามารถสะกดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เธอ ในชุดเดรสสีทอง ที่ทำจากฝาขวดพลาสติกรีไซเคิล ของแบรนด์คนไทย ที่ชื่อว่า PIPATCHARA ดีไซน์เนอร์ภรรยาคนสวยของ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” นักแสดงชื่อดัง
ครั้งนี้ พามาเจาะลึกที่มาของ แบรนด์แฟชั่น ชื่อว่า PIPATCHARA
PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นที่ผลิตสินค้าทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และ เครื่องประดับ ฯลฯ ที่มาของสินค้าแบรนด์ PIPATCHARA เกือบทุกชิ้นออกแบบขึ้นมา ภายใต้แนวคิดของผู้ก่อตั้ง คือ “ทับทิม” จิตริณี แก้วจินดา CEO PIPATCHARA และ “เพชร” ภิพัชรา แก้วจินดา ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ประจำแบรนด์ ที่ก่อตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาสังคมที่ทั้งสองคนเจอในแต่ละช่วงเวลา โดยการเน้นการทำงานร่วมกับวิถีชุมมชนเป็นหลัก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sustainability (ความยั่งยืน)
เพชร “ภิพัชรา” เล่าว่า ตนเองและพี่ทับทิม ได้ก่อตั้งแบรนด์นี้ ขึ้นมาเมื่อปี 2018 ซึ่งความตั้งใจในการทำแบรนด์นี้ เกิดขึ้นมาจากพี่ทับทิมและตนเอง ต้องการที่จะทำสินค้าแฟชั่นขึ้นมาที่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาทุกๆ ด้านของสังคมได้ และ พี่ทับทิมเองก็ได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับชุมชนอยู่แล้ว ความตั้งใจแรกทั้งสองคน คือ ต้องการช่วยเหลือชุมชน ด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับวิถีชุมชน ก็ได้มาคุยกัน ซึ่ง “เพชร” เองในช่วงนั้น ตั้งใจที่จะกลับมาทำงานแฟชั่นที่ประเทศไทย ก็เลยเป็นที่มาของแบรนด์ PIPATCHARA
เปิดตัวด้วยงานถัก Macrame หนังอิตาลี
โดยแรงงานชุมชนพื้นที่ด้อยโอกาสบนดอย
โดยสินค้าตัวแรกของ PIPATCHARA คือ กระเป๋าถักในแบบ Macrame เป็นกระเป๋าถักที่ทำจากหนังอิตาลี ที่เลือกทำกระเป๋าถัก Macrame เพราะส่วนตัว “เพชร” เองชื่นชอบเครื่องหนัง แต่ประเทศไทยการนำเครื่องหนังมาตัดเย็บเสื้อผ้า ไม่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย เลยเลือกมาทำกระเป๋าและรองเท้าแทน ซึ่งการเป็นงานถักที่เป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมด ได้ว่าจ้างแรงงานในชุมชนที่เชียงราย และแม่ฮ่องสอนมาทำงานให้กับเรา โดยเราได้เข้าไปสอนถักเรียกว่า Macramé เริ่มจากสอนให้กับครูที่เข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กในชุมชนก่อนและจ่ายงานให้ครูเหล่านั้น ก่อนครูนำไปสอนชาวบ้านและคนในชุมชนอีกทอดหนึ่ง
นำปัญหาสิ่งแวดล้อมมาเป็นโจทย์ออกแบบ
ทั้งนี้ ไม่ได้เฉพาะในคอลเลกชัน งานถัก Macramé เท่านั้น ในทุกๆ คอลเลกชัน ได้มีการทำงานร่วมกับชุมชน รวมถึงในคอลเลกชัน ที่หยิบเรื่องของสิ่งแวดล้อมมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการทำงาน โดยการนำขยะพลาสติกรีไซเคิลมาออกแบบเป็นแฟชั่นเสื้อผ้า ที่ฮือฮาในขณะนี้ กับชุดที่ ลิซ่า BLACKPINK สวมใส่ ไปร่วมงานสำคัญระดับโลก
“ก่อนอื่นต้องชี้แจงก่อนว่า วัตถุดิบขยะพลาสติกที่นำมาใช้ในครั้งนี้ไม่ได้มีกระบวนการผลิตเอง แต่เราก็รับซื้อต่อมาจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ทำงานตรงนี้อยู่แล้ว ดังนั้น ที่มีดราม่าว่าเราเปิดรับบริจาค และนำมาตัดชุดในราคาแพงขาย ซึ่งต้องชี้แจงว่า จริงๆแล้ว ไอเดียการรับบริจาคมาจากเราทำงานด้านสิ่งแวดล้อม และมีคนรู้จักเห็นว่าเราทำงานตรงนี้ มักจะถามบ่อยๆว่า ขยะพลาสติกเหล่านี้ ไปบริจาคที่ไหนได้บ้าง เราก็เลยเกิดไอเดียขอเป็นคนกลางรับบริจาค และขนขึ้นไปส่งให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเหล่านั้น นำไปแปรรูปก่อนจะนำมาส่งขายให้กับเราอีกที่หนึ่ง ต้องบอกว่า เราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการรับบริจาคในครั้งนี้ เลย”
งานออกแบบทุกชิ้นต้องการเป็นส่วนเล็กๆแก้ปัญหาโลก
“เพชร” พูดถึงการทำคอลเลกชัน ที่เป็นการนำขยะพลาสติกกลับมาออกแบบเสื้อผ้าในครั้งนี้ ต้องบอกว่า ไม่ได้ง่าย เป็นงานที่ยากมาก เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพยายามออกแบบมาขายคนจะมองแบบไหน และจะทำอย่างไรให้คนยอมรับงานรีไซเคิลเป็นโจทย์แรกที่ยากตั้งแต่เริ่มทำ และสุดท้าย คือ ตัววัตถุดิบเอง ที่ต้องผ่านกระบวนการก่อนที่จะนำมาใช้ ต้องอาศัยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่ทำงานตรงนี้เข้ามาช่วยแปรรูป เพื่อให้ได้อย่างที่เราต้องการ ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบเป็นจำนวนมาก ตนเองและทับทิม ต้องทำงานอย่างหนักและใช้เวลานานมากกว่าจะได้คอลเลกชันนี้ ออกมาขาย แต่เป็นสิ่งที่เราทั้งสองคนมองว่า อยากจะทำเพราะเป็นปัญหาสังคมที่อยากจะมีส่วนในการแก้ไขปัญหา ผ่านการทำงานแฟชั่นของเราด้วย
สำหรับสินค้าคอลเลกชันใหม่ๆในอนาคต ก็ต้องมาดูว่า สังคมมีปัญหาอะไร และเราจะเข้าไปนำสิ่งเหล่านั้น ขึ้นมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการทำงานได้อย่างไร เพื่อช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนเล็กๆของการแก้ปัญหาเหล่านั้น ผ่านผลงานแฟชั่นแบรนด์ PIPATCHARA และที่สำคัญ มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนทุกคอลเล็กชั่น
การทำตลาด PIPATCHARA
ไอเดียเจาะแค่ตลาดออนไลน์
ในส่วนการทำตลาด “เพชร” บอกว่า เลือกใช้การทำตลาดออนไลน์เป็นหลัก จะมีออฟไลน์ อยู่บ้างเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาดูมาจับสินค้า ของเรา มี 2 แห่งที่ เซ็นทรัลเวิล์ด และ ที่ เอ็มควอเทีย โดยสินค้าราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาท ไปจนถึง 300,000 บาท นอกจากตลาดในประเทศไทย มีการนำสินค้าไปขายที่ประเทศญี่ปุ่น และฝรั่งเศส อเมริกา และที่เราเลือกทำงานกับทางตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่น ในประเทศเดียวในเอเชีย เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความใส่ใจ กับเรื่องที่มาของสินค้า และแฟชั่น PIPATCHARA เป็นตรงกับคอนเซ็ปต์ที่คนญี่ปุ่นสนใจ ก็เลยเลือกที่จะทำตลาดให้กับแบรนด์เรา
ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ประจำแบรนด์ กล่าวว่า หลังจากที่มีโอกาสได้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับ น้องลิซ่า BLACKPINK ได้สวมใส่ร่วมงานตามที่กล่าวมาข้างต้น จนเกิดไวรัลเพียงแค่ข้างคืน ต้องบอกว่า รู้สึกขอบคุณน้องลิซ่ามากๆ ที่สนับสนุนสินค้าแบรนด์ไทย เพราะต้องบอกว่า น้องลิซ่าเป็นคนที่ทรงอิทธิพลอย่างมากต่อ วงการแฟชั่น ไม่ได้เฉพาะแบรนด์ไทย ไม่ว่าน้องจะหยิบจับแฟชั่นอะไรคนทั่วโลกก็ให้ความสนใจ และครั้งนี้ มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ติดต่อเข้ามาอยากจะรู้จักแบรนด์ PIPATCHARA เป็นจำนวนมาก สร้างโอกาสทางการขายให้กับแบรนด์ของเราได้อย่างมาก
สำหรับสาวๆที่สนใจอยากจะแต่งตัวเหมือนลิซ่า ต้องบอกเลยว่า งานนี้คงจะไม่มีโอกาสแล้ว เพราะทาง PIPATCHARA ตัดสินใจไม่ทำชุดในแบบที่ลิซ่าสวมใส่ออกมาขาย
“อย่างไรก็ดี จากชุดที่น้องลิซ่า สวมใส่ในงานวันนั้น ทาง PIPATCHARA ตัดสินใจว่าจะไม่นำชุดในแบบที่ “น้องลิซ่า” สวมใส่ออกมาจำหน่าย เหมือนเป็นการให้เกียรติน้องด้วยๆ เพราะทางทีมงานคนรู้จักได้ติดต่อมาให้เราออกแบบชุดให้ “น้องลิซ่า” สวมใส่ และเราก็ดีใจมากและทำอย่างเต็มทีมากๆ เพื่อให้น้องได้สวมใส่และโดดเด่นที่สุดในงาน ดังนั้น เราก็เลยอยากจะให้เป็นคอลเลกชันที่คนจดจำในภาพที่ “น้องลิซ่า” สวมใส่เท่านั้น ตัดสินใจไม่ทำออกขาย”
โดยชุดที่ลิซ่าสวมใส่ครั้งนี้ ทำจากขยะพลาสติกรีไซเคิลมากกว่า 1,800 ชิ้น โดย 80% ของชุดทำมาจากฝาน้ำสีทอง และอีก 20% ทำมาจากกล่องพลาสติกใสสำหรับใส่อาหาร ซึ่งทั้งหมดเป็นสีธรรมชาติและทางทีมงานก็ไล่ระดับสีของชุดจากอ่อนไปเข้มอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ชุดกระทบกับแสงในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้
มารู้จัก “คุณเพชร” และแบรนด์ PIPATCHARA
ทั้งนี้ มาทำความรู้จักกับ PIPATCHARA มากขึ้น สำหรับ PIPATCHARA นำชื่อของคุณเพชร มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ ซึ่งคุณเพชรเองต้องการจะสื่อถึงความเป็นตัวตนของตนเอง ซึ่งวันนี้ผ่านมา 6 ปี แต่ก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล เพราะเคยไปอวดโฉมคอลเลกชันในงาน Dubai Fashion Week และ London Fashion Week มาแล้ว นอกจากนี้นักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด แอนน์ แฮทธาเวย์ (Anne Hathaway) ก็เคยถือกระเป๋า Mini Amu Crystal ของ PIPATCHARA เดินพรมแดงงาน SXSW อีกด้วย
ในส่วนประวัติของ “เพชร” ภิพัชรา ผู้ก่อตั้ง และครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ เธอเรียนจบด้านออกแบบดีไซน์ มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ ฝรั่งเศส และก่อนจะกลับมาเมืองไทยทำงานด้านแฟชั่น กับแบรนด์ชั้นนำของประเทศฝรั่งเศส ได้ลาออกและตัดสินใจมาสร้างแบรนด์ PIPATCHARA ที่ประเทศไทย ก่อนจะแต่งงานกับพระเอกชื่อดัง
ติดต่อ IG : PIPATCHARA