จากอดีตนักข่าวทำมาหลายสำนัก จนกระทั่งมาเจอ วิกฤตปี 2540 วงการสื่อได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องปรับตัวเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ และการจัดงานอีเวนต์ ด้วยคอนเน็กชั่นที่ทำงานข่าวมานาน ทำให้การทำพีอาร์ของ “นายศักดิ์ชัย ผินนารี” เจ้าของ บริษัท ชัยพีอาร์ จำกัด มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีแรก
แต่หลังจากสื่อออนไลน์ต่างๆ เข้ามามีบทบาท ทำให้ทุกคนก็สามารถที่จะเป็นนักข่าวได้ ส่งผลให้ “ชัยพีอาร์” ได้รับผลกระทบไปด้วย อย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเจอวิกฤติโควิค -19 ซ้ำเข้าไปอีกรายได้ที่เคยได้รับต่อปีลดลงจนน่าตกใจ แม้ว่าจะมีการปรับตัว นับตั้งแต่รับรู้กระแสเชี่ยวกรากของสื่อออนไลน์ ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ แม้กระแสโควิค-19 แทบหายไปแล้วแต่การปรับเปลี่ยนรัฐบาลทำให้งบประมาณล่าช้า งานต่างๆแทบชะลอตัว จะมีเพียงงานที่เป็นงานต่อเนื่อง แต่ก็มีจำนวนน้อยทำให้การแข่งขันสูง ขนาดราคาที่เสนอจนน่าตกใจว่าจะได้กำไรจากงานนี้เท่าไร
อีกสาเหตุมาหนึ่งก็น่าจะมาจากหน่วยงานที่มาว่าจ้างโดยเฉพาะหน่วยงานรัฐมักเขียนทีโออาร์คาดหวังการโปรโมทประชาสัมพันธ์ ที่จะเข้าถึงคนในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ แผนการทำประชาสัมพันธ์ ที่คุณศักดิ์ชัย เคยวางแผนประชาสัมพันธ์และทำมาตั้งแต่ในอดีตทุกอย่างแทบจะเปลี่ยนไปกว่าครึ่ง
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลังจากสื่อออนไลน์ที่ไม่ใช่สื่อหลักเข้ามามีบทบาท ลูกค้าเห็นว่ามีคนติดตามเยอะ จึงใช้งบกับสื่อออนไลน์เหล่านั้น ทั้งที่ไม่มีใครรู้จริงแล้วว่าจำนวนคนติดตามเหล่านั้นมาจากไหน และเป็นคนติดตามจริงๆ หรือเปล่า แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความน่าเชื่อถือของสื่อออนไลน์เหล่านั้น มักใช้กระแสหรือคอนเทนตามกระแสมาโพสต์โดยไม่สนใจว่าสังคมจะเป็นเช่นไร ใครจะเสียหายหรือไม่ ที่สำคัญแทบไม่มีการตรวจสอบเนื้อหาของข่าวหรือคอนเทนที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ยิ่งหากอยู่ในเรื่องที่เราเห็นด้วยหรืออยู่ในกลุ่มที่เราสนับสนุนด้วยแล้ว มีทั้งการกดไลค์กดแชร์โดยไม่มีการตรวจสอบก่อนจะเผยแพร่ เหมือนสื่อหลัก พอมีปัญหาก็มักจะแค้ “ขอโทษ”และอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะที่การวัดผลได้จากงานที่นำเสนอในสื่อเหล่านั้น บางครั้งไม่ได้อะไรตามที่ต้องการ
“ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้แต่สื่อหลักบางสำนัก เองก็ดึงเรื่องจากที่เผยแพร่เป็นไวรัล บนสื่อโซเชียล หยิบเอามาลงในสื่อของตัวเอง นักการเมืองเอง ก็ไม่ได้มีการมานั่งให้สัมภาษณ์ หรือ ดารานักแสดง ก็ไม่ได้มานั่งให้สัมภาษณ์กันแล้ว พอมีอะไร ก็เขียนโพสต์ลงในช่องทางโซเชียลฯ ของตัวเอง นักข่าวก็ไปดึงขึ้นมาเป็นข่าว แบบนี้ ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยในยุคนี้ ”
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า สำหรับลูกค้าหลัก ของชัยพีอาร์ คือ หน่วยงานราชการต่างๆ ปัจจุบันหน่วยงานราชการ เวลาเขียน TOR ก็มักมีสื่อออนไลน์พ่วงเข้าไปเป็นหลัก โดยกำหนดชัดเจนว่าต้องมีคนติดตามเยอะ โดยไม่ได้มองว่าต้องเป็นสื่อหลัก ขณะที่ภาครัฐมักเชื่อว่าสื่อออนไลน์น่าจะใช้งบประมาณไม่มากนัก ซึ่งเป็นความเชื่อที่คลาดเคลื่อน เพราะในความเป็นจริงสื่อออนไลน์ อินฟูลเอ็นเซอร์ดังทั้งหลายราคาแพงมากตามยอดวิวและผู้ติดตาม ในขณะที่ลูกค้าเองคาดหวังการออกสื่อที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
นายศักดิ์ชัย เล่าว่า จากประสบการในงานข่าวเกือบ 20ปีและงานพีอาร์อีกกว่า 17 ปีนั้นมีที่มาจากสถานการณ์สื่อในช่วงนั้นไม่ดีนัก ก็เลยตัดสินใจมาเปิดบริษัทพีอาร์ เพราะทำงานข่าวมานานพอจะรู้ว่า นำเสนอประเด็นอะไร ควรพีอาร์อย่างไร และเมื่อบริษัทมีผลงานก็บอกต่อไปแบบปากต่อปากจนถึงปัจจุบัน ถ้าถามว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เราไปรับงานเค้ายังคงเลือกที่จะทำพีอาร์ไหม ก็ต้องบอกว่าทุกหน่วยงานยังคงเลือกทำพีอาร์ และมีการจัดอีเวนต์เหมือนเดิม ไม่ได้ลดลง แต่การไปต่อสู้กันของบริษัทพีอาร์ มีคู่แข่งที่เยอะขึ้น และ การเขียน TOR หน่วยงานราชการมีความต้องการมากขึ้น
“แค่ปรับตัวเท่านั้นไม่พอ ถึงวันนี้เราต้องทำให้ได้ทุกอย่าง ลดต้นทุนและเรียนรู้ทำงานรอบด้านมากขึ้น ที่สำคัญหากมีโอกาสหรือรูปแบบงานใหม่ แค่ลูกค้าเอ่ยถามก็ต้องสามารถเนรมิตรโครงการนำเสนอและดำเนินการให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ งานพีอาร์แทบจะต้องทำตัวให้เป็นอิมเมจเมคเกอร์หรือล็อบบี้ยีสต์ข่าวเลยทีเดียว สำหรับชัยพีอาร์ถึงวันนี้เราพร้อมที่จะรับงานทุกรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ เพียงบอกมาเราจะหาให้คุณ เพราะปัญหาของลูกค้าในบางครั้งไม่ได้มีแค่เรื่องประชาสัมพันธ์ แต่บางทีมีมากกว่านั้น”นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย
โทร.081-622-5039