นักธุรกิจปากแจ๋วขอโทษแบบยาว ระบุรับทราบความจริงแล้วสภาพอากาศแย่จริง เสียใจโพสต์ไม่กลั่นกรอง ขอโอกาสพบนักบินและผู้บริหารการบินไทยขอโทษ รอกลับไทยก่อน ด้านสมาคมนักบินไทยแถลงโต้ข้อกล่าวหา พร้อมให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนทางกฎหมาย
วันนี้ (31 ม.ค.) จากกรณีที่นายเอก (นามสมมติ) นักธุรกิจหนุ่มวัยประมาณ 40 ปี โดยสารไปกับเที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG465 เส้นทางกรุงเทพฯ-เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2567 ปรากฏว่าโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิว่าการบินไทยห่วยแตก ตั้งแต่การบริการ เครื่องบิน กัปตันและนักบิน กล่าวหาว่ากัปตันโกหกว่าทัศนวิสัยไม่ดี เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC) ให้วน 20 นาที น้ำมันไม่พอต้องลงจอดที่สนามบินซิดนีย์ ทั้งที่ตนขึ้นลงสนามบินเมลเบิร์นมาไม่ต่ำกว่าพันรอบ
นายเอกยังอ้างว่า สรุปง่ายๆ คือ ใส่น้ำมันมาไม่พอ ไม่ได้เผื่ออะไรเลย กัปตันไม่มีความหนักแน่น พูดภาษาอังกฤษไม่มั่นใจ สู้ความกระฉับกระเฉงของกัปตันชาวออสเตรเลียเที่ยวบินอื่นที่แย่งกันขอลงไม่ได้ ทั้งที่น้ำมันลดลงแล้ว กล่าวหาว่ากัปตันหน่อมแน้ม และยังกล่าวหาว่ากัปตันไม่กล้าแอ่นอกรับผิดหรือพูดความจริง อ้างว่าตนบอกให้กัปตันออกมารับสารภาพแล้วก็ยังไม่กล้า ไม่พูดอะไรสักคำ ผู้โดยสารก็โกรธ ปล่อยให้พนักงานต้อนรับกลายเป็นแพะโดนด่าแทนกัปตัน ก่อนจะแคปฯ หน้าจอไอโฟนระบุว่าสภาพอากาศแจ่มใส อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส และอ้างเว็บไซต์พยากรณ์อากาศว่าทัศนวิสัย 10 กิโลเมตร
ข้อความดังกล่าวกลายเป็นที่วิจารณ์ในหมู่นักบิน กระทั่งมีนักบินอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่งออกมาตำหนิว่านักธุรกิจหนุ่มคนดังกล่าวแสดงความไม่รู้ ใช้คำดูถูกด้อยค่ากัปตันและนักบิน ทั้งที่ช่วงดังกล่าวทัศนวิสัยต่ำ 200 เมตรและหมอกหนา และ ช่วงเวลาเดียวกันมีเครื่องบินเปลี่ยนทิศทางไปยังสนามบินสำรอง (Divert) ซึ่งข่าวอากาศการบินไม่เหมือนในโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งนักบินต้องผ่านการสอบภาษาอังกฤษด้านการบินทุกคน การลงสนามบินเป็นไปตามลำดับคิวไม่มีต่อรอง ยืนยันว่านักบินการบินไทยมาตรฐานระดับโลก และมีคนรักที่รอกลับบ้านอยู่เช่นกัน กรุณาให้เกียรตินักบินคนที่ดูแลชีวิตด้วย
ขณะที่นักบินหลายคนต่างแชร์ข้อมูลการบิน พบว่าช่วงเวลาดังกล่าวสายการบินอื่นที่ลงปลายทางสนามบินเมลเบิร์นก็ลงสนามบินอื่น (Divert) ทั้งหมด และจากรายงานข่าวอากาศทางการบิน พบว่าขณะนั้นที่สนามบินเมลเบิร์น เวลา 20.30 น. ตามเวลา UTC ทัศนวิสัย 200 เมตร มีเมฆปกคลุมทั้งหมด ส่วนชาวเน็ตสังเกตเห็นนายเอกตั้งค่าโพสต์ต้นตอเฉพาะเพื่อน (Friends Only) ไม่ให้สาธารณชนเห็น ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาขอโทษ อ้างว่าเป็นความรู้สึกส่วนบุคคลและมีอารมณ์ ตั้งใจสื่อว่าการสื่อสารกับผู้โดยสารไม่พอ ขอโทษกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ตามที่รายงานไปแล้วนั้น
อ่านเพิ่มเติม : นักธุรกิจหนุ่มด่าการบินไทยห่วยแตก กล่าวหาน้ำมันไม่พอ กัปตันสุดทนฟาดกลับแทบจุก
ปรากฏว่านายเอกโพสต์ข้อความเพิ่มเติม ระบุว่า "สืบเนื่องจากการ Post ข้อความของผมที่มีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ตำหนิการปฏิบัติงานของกัปตันในเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย นั้น
เมื่อผมได้รับทราบข้อเท็จจริงจากผู้มีความรู้ด้านการบินเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติงานของกัปตัน และทราบว่าสภาพอากาศในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นข้อจำกัดที่ทำให้กัปตันต้องตัดสินใจบินไปสนามบินสำรองเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ผมมีความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ที่ได้เขียนข้อความซึ่งไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง จึงได้ประสานกับนายกสมาคมนักบินไทย ขอโอกาสในการเข้าพบกัปตันซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินดังกล่าว เพื่อกล่าวคำขอโทษ รวมถึงจะประสานเข้าพบฝ่ายบริหารของบริษัท การบินไทย เพื่อขออภัยในสิ่งที่เขียนซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อมาตรฐานของทางสายการบินต่อไป ในช่วงสัปดาห์หน้าหลังจากที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยในทันที
สุดท้าย ผมต้องขออภัยต่อทุกท่านที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันเกิดจากเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ"
ขณะที่นายธีรวัจน์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมนักบินไทย ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 30 ม.ค. ระบุว่า "เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ปรากฏข้อความทางสื่อออนไลน์ กรณีผู้โดยสารเดินทางด้วยสายการบินแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของนักบินด้วยถ้อยคําที่รุนแรง เหตุที่นักบินไม่สามารถนําเครื่องบินลงจอดที่สนามบินปลายทางได้ อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่สนามบินปลายทางไม่เอื้ออํานวย ทําให้นักบินตัดสินใจบินไปยังสนามบินสํารอง
สมาคมนักบินไทยขอแสดงความชื่นชมและให้กําลังใจนักบินในเที่ยวบินดังกล่าว ในการปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางสภาพอากาศ ที่เลวร้าย (ทัศนวิสัยต่ำกว่าค่ามาตรฐานในการร่อนลง) สามารถนําพาผู้โดยสารลงสู่สนามบินสํารองด้วยความปลอดภัย และนําพาผู้โดยสารไปถึงสนามบินปลายทางอย่างปลอดภัยในที่สุด
การปฏิบัติการบินเช่นนี้ นักบินต้องใช้ความรู้รอบด้าน บนพื้นฐานของความปลอดภัยและภายใต้กฎการบินสากล นักบินในเที่ยวบินนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและรับมือกับปัญหาและภัยต่างๆ ที่กําลังเผชิญได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารกับหอบังคับการจราจรทางอากาศได้เป็นอย่างดี ทั้งยังต้องอดทนกับความเหนื่อยล้า เนื่องจากเป็นเที่ยวบินเวลากลางคืน
นักบินในเที่ยวบินนี้ได้ทําให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมว่านักบินไทยมีความรู้ความสามารถและมีมาตรฐานในระดับสูง เป็นการชี้ให้เห็นถึงความสําคัญในการผลิตนักบินที่มีคุณภาพ ทําให้สังคมรับรู้ถึงคุณค่าในวิชาชีพนักบินได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ หากข้อความใดๆ ที่สื่อสารออกไปนั้น พบว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือเป็นการดูหมิ่นเกียรติยศวิชาชีพนักบิน สมาคมฯ พร้อมเคียงข้างและให้การสนับสนุน ทั้งในด้านข้อมูลและพยานหลักฐาน รวมถึงให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่นักบิน เพื่อผดุงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีนักบินไทย"
