ท่าอากาศยานตรังชี้แจงกรณีเครื่องบินไทยไลอ้อนแอร์ลงจอดไม่ได้ เมื่อ 29 มิ.ย. ระบุ พบสุนัขบนทางวิ่ง ลงจอดอีกครั้งติดสภาพอากาศ ต้องไปกระบี่ ก่อนจะกลับมาลงจอดตอนบ่ายสองเศษ หลังผู้โดยสารรายหนึ่งโพสต์ข้อความแสดงความกังขา ต้องหารเงินเหมารถตู้จากกระบี่เข้ามา
วันนี้ (1 ก.ค.) กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวในหัวข้อ "นี่คือเที่ยวบินในประเทศที่นานที่สุดในชีวิต" โดยบอกเล่าเหตุการณ์ที่เดินทางด้วยสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL824 เส้นทางดอนเมือง-ตรัง เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 07.35 น. ตามเวลาจะถึงท่าอากาศยานตรัง จังหวัดตรัง ในเวลา 09.00 น. ขณะเครื่องกำลังลงจอด ปรากฏว่ากัปตันก็บินขึ้นอีกครั้ง ผู้โดยสารพากันสับสนเพราะไม่มีการแจ้งใดๆ เมื่อใกล้ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ จึงมีเสียงประกาศว่า เพราะสภาพอากาศ จึงลงจอดที่ท่าอากาศยานตรังไม่ได้
เมื่อถึงจังหวัดกระบี่ กัปตันและลูกเรือแจ้งว่า ทางสนามบินตรังปฏิเสธการลงจอดเนื่องจากมีสุนัขในบริเวณจุดลงจอด จึงต้องแวะเติมน้ำมันที่กระบี่ เนื่องจากเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ จึงแปลกใจว่าสุนัขมาได้อย่างไร และไหนบอกว่าสภาพอากาศไม่ดี จากนั้นประมาณ 50 นาที กัปตันก็บินกลับไปที่ท่าอากาศยานตรังอีกครั้ง ใช้เวลา 20 นาที แต่เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะนั้นเริ่มมีฝนตก แล้วกัปตันจึงนำเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานกระบี่อีก โดยให้เหตุผลว่า “สนามบินตรังเป็นสนามบินเล็ก รันเวย์เล็ก และด้วยสภาพอากาศทำให้ลงจอดไม่ได้” ขอตัดสินใจก่อนว่าจะทำยังไงต่อ
เวลา 11.20 น. ผู้โดยสารเริ่มไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้โดยสารเกินครึ่งหนึ่งรู้สึกเสียเวลา และรวมถึงเรื่องความปลอดภัย จึงขอลงที่ท่าอากาศยานกระบี่แทน
จากนั้นเวลา 12.20 น. ผู้โดยสารที่จะขอลงที่ท่าอากาศยานกระบี่กำลังทยอยลง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีทางออกอื่นๆ ให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากขออภัยและจะเอาขนมกับน้ำดื่มมาเสิร์ฟ จึงถามว่า ที่ผ่านมาสายการบินลงจอดที่ตรังได้อย่างไร เพราะขนาดสนามบินก็เท่าเดิมทุกวัน และจากการสังเกตสภาพอากาศไม่ได้แย่ขนาดนั้น อีกทั้งสายการบินจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รูัสึกว่าสายการบินไม่มีความเป็นมืออาชีพ
เวลา 13.00 น. สายการบินแจ้งว่าถ้าบินกลับไปลงที่ท่าอากาศยานตรัง เเล้วลงไม่ได้อีก จะต้องวนกลับไปที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเลย โดยที่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร พอถามก็บอกให้ติดต่อกับทางเคาน์เตอร์ จึงตัดสินใจลงที่ท่าอากาศยานกระบี่แล้วหารค่าเหมารถตู้จากจังหวัดกระบี่มาจังหวัดตรัง มีตำรวจที่เดินทางมาด้วยกันประสานงานให้
อย่างไรก็ตาม เจ้าของโพสต์ได้ชี้แจงอีกครั้งว่า เห็นหลายคนแชร์ไปแล้วอาจคิดว่าเราหรือผู้โดยสารต่อว่ากัปตัน หรือไม่สนเรื่องความปลอดภัยและชีวิต ทั้งหมดเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีเจตนา หรือประโยคไหนที่เป็นการต่อว่ากัปตันและลูกเรือ นอกจากการถามหาวิธีการแก้ปัญหา และความรับผิดชอบจากสายการบิน เพราะฉะนั้นขอความกรุณาใช้คำพูดที่สุภาพด้วย
อีกด้านหนึ่ง พบว่ามีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ที่น่าสนใจก็คือ มีนักบินรายหนึ่งได้แชร์โพสต์ดังกล่าว อธิบายว่า จากใจคนเป็นนักบิน อยากลงจอดทุกคน แต่มีกฎหลายอย่างกำกับอยู่ เรื่องทัศนวิสัยที่จะต้องเห็นขณะทำการลงจอด ซึ่งสนามบินตรังต้องใช้มากกว่าที่อื่น กับเรื่องของฐานเมฆซึ่งช่วงเช้าต่ำมาก และระยะเบรกซึ่งสนามบินตรังสั้นกว่าหลายสนามบิน ถ้ารันเวย์เปียกก็ใช้ระยะเพิ่ม เรื่องน้ำมันขากลับ ซึ่งท่าอากาศยานตรังไม่มีที่เติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่งท่าอากาศยานตรังช่วงเช้ามีหมอกลง และฝนตกทำให้มองไม่เห็นรันเวย์ จะให้นักบินลงจอดทั้งๆ ที่มองพื้นรันเวย์ไม่เห็นหรือไม่
ส่วนเรื่องสุนัขบนรันเวย์นั้น สุนัขก็คือชีวิต และหากลงจอดแล้วชนสุนัข ซากสุนัขเข้าไปติดในเบรก แล้วเครื่องเบรกไม่ได้ ลุ้นเอาว่าเครื่องจะไปหยุดที่คูนา แนวป่าหรือเขาลูกถัดไปข้างหน้า แล้วค่อยดูว่าจะมีคนรอดกี่คน หรือถ้าซากสุนัขเข้าเครื่องแล้วเครื่องระเบิด ซึ่งที่ปีกมีน้ำมันทั้งนั้น ส่วนเรื่องของการสื่อสารของกัปตัน ยุ่งแค่ไหนเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น เวลาการทำงานที่จำกัดด้วยกฎหมาย การติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สายการบิน หอบังคับการบิน การขอเอกสารที่จำเป็นตามข้อกฎหมาย แค่ออกมาชี้แจง ถือว่าได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ด้วยเวลาที่จำกัดโดยน้ำมันที่เหลืออยู่ ในบางครั้งไม่มีการสื่อสารด้วยซ้ำ ถ้าต้องตัดสินใจหลายอย่างในเวลาที่จำกัดมากๆ จากมุมมองของคนอาชีพนี้ที่แทบไม่เคยแสดงความเห็นกับดรามาเรื่องแบบนี้ มองว่ากัปตันทำดีที่สุดตามความรู้และกฎการบินที่ได้รับถ่ายทอดมาแล้ว
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ออกนอกเส้นทาง (Divert) 10 รอบ หรือบิน 6 แลนด์ (สนามบิน) ก็ดีกว่ามีคนเสียชีวิต นักบินไม่มีใครอยากบินไปมาหลายรอบ เพราะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย และถูกตัดเพราะบินเกินกฎการบินไม่ได้ด้วยเรื่องเวลา เอกสารและการประสานงานวุ่นวายกว่าบินตามแผน และเหนื่อยกว่าบินตามแผน ที่ตัดสินใจแบบนี้เพื่อตัวผู้โดยสารเอง ส่วนเรื่องการชดเชยของสายการบิน ขอไม่ลงรายละเอียดเพราะแต่ละสายการบินจัดการไม่เหมือนกัน แต่ต่อให้ต้องกลับท่าอากาศยานดอนเมือง ก็ต้องออกตั๋วกลับตรังให้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภครับรองอยู่ และอาจต้องออกค่าโรงแรมที่ดอนเมืองให้ด้วย รวมถึงมื้ออาหารระหว่างรอ เพราะฉะนั้นเป็นความไม่อดทนของผู้โดยสารเอง ที่ตัดสินใจหารค่ารถตู้กัน
อาชีพนักบินหากไม่ปฏิบัติตามกฎหรือฝืนเอาเครื่องลงแล้วมีคนเสียชีวิตหรืออากาศยานมีความเสียหาย จะมีการสอบสวนตามมาแน่นอน และหากสอบสวนแล้วมีความผิดมีโทษจำคุกอย่างเดียว พร้อมแนะนำให้ชมภาพยนตร์เรื่อง flight กับ sully จะได้เข้าใจเหตุผลประกอบการตัดสินใจของนักบินมากขึ้น มีใครอยากนอนคุกไหม จากอาชีพมั่นคงหาเลี้ยงครอบครัวได้ สุดท้าย ที่ออกมาอธิบายไม่ได้ต่อว่า แต่อยากแชร์อีกมุมมองให้สังคมได้รับทราบ ส่วนแต่ละบุคคลจะมีความเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ จากใจผู้ร่วมอาชีพที่เคารพ
ขณะที่ท่าอากาศยานตรังชี้แจงกรณีเครื่องบินของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เส้นทางดอนเมือง-ตรัง เที่ยวบินที่ SL824 ออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 07.35 น. และกำหนดเวลาถึงท่าอากาศยานตรัง เวลา 09.00 น. มีเหตุต้องล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากติดสภาพอากาศ (ฝนตก) ณ ท่าอากาศยานตรัง โดยก่อนเครื่องกำลังจะลดระดับเพื่อลงจอด นักบินได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศว่าพบสุนัขบนทางวิ่ง และได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เพื่อให้ทางวิ่งมีความปลอดภัยที่เครื่องบินสามารถลงจอดได้ตามปกติ ทั้งนี้นักบินได้นำเครื่องบินบินไปยังท่าอากาศยานกระบี่ ซึ่งเป็นสนามบินสำรองตามที่กำหนดไว้ในแผนการบิน เพื่อรอให้สภาพอากาศดีขึ้น ต่อมานักบินได้นำเครื่องบินกลับมายังท่าอากาศยานตรัง แต่ก็ยังไม่สามารถทำการบินลงได้เนื่องจากติดสภาพอากาศ นักบินจึงได้นำเครื่องบินไปยังท่าอากาศยานกระบี่อีกครั้ง จนเมื่อเวลา 14.13 น. นักบินสามารถนำเครื่องลงจอด ณ ท่าอากาศยานตรังเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยทางวิ่งทางขับ ท่าอากาศยานตรังมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทางวิ่งทางขับก่อนเครื่องบินทำการบินขึ้นและลงในทุกเที่ยวบินตามมาตรการที่สนามบินได้กำหนดไว้ ซึ่งท่าอากาศยานตรังได้ทำการขับไล่ และตรวจสอบบริเวณแนวรั้วของท่าอากาศยาน ปิดช่องทางการเข้าออกของสัตว์ที่จะเป็นอันตรายต่อการบินเรียบร้อยแล้ว และเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก