xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) จากความชอบสู่อาชีพที่ใช่! “โพดโพ” เครื่องหัวเกินเรื่องเกินเบอร์ สวยปังอลังการ ออร์เดอร์ล้นจนผลิตไม่ทัน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โพดโพ เป็นภาษาอีสานแปลว่ายิ่งใหญ่อลังการเกินเบอร์ ชิ้นเดียวไม่เคยพอต้องเติมเข้าไปอีกๆ ตามสโลแกนร้าน ‘we don’t believe in minimal style’ เราจะไม่เชื่อในเรื่องความมินิมอล มีอะไรต้องเติมเข้าไปอีกห้ามถอดออก ต้องเติมเข้าไปเท่านั้น”


คุณหลวง-ประฎิษฐ์ โฉมสุข, แจ๊ส-เฉลิมพันธ์ ไท้ทอง และ แพท-ศศิวิมล ล่วงรัตน์ ดวงเกษ แก๊งสามสาวเพื่อนซี๊เจ้าของแบรนด์ “โพดโพ”(Phodpoh) เครื่องประดับhand made ที่ตอนนี้ร้านของพวกเธอกำลังปังสุด ๆ กับงานคอนเซ็ปต์ “เครื่องหัว” ที่แสนเว่อร์วังอลังการสวยและปังขั้นสุด!!! เรียกได้ว่าใครเห็นเป็นต้อง “ยิ้ม” หรือแม้แต่เดินผ่านไปแล้วยังต้องหันกลับมามอง จากจุดเริ่มต้นความชอบในงานการฝีมือ การประดิดประดอยต่าง ๆ โดยเฉพาะaccessories ที่เป็นข้าวของเครื่องใช้และเครื่องประดับในชีวิตประจำวันของผู้หญิง กระเป๋า ตุ้มหู-ต่างหู ฯลฯ งานอดิเรกสร้างรายได้ควบคู่มาตั้งแต่สมัยเรียนจวบกระทั่งจบและทำงานแล้ว แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญทำให้กลายมาเป็น “อาชีพหลัก” ในปัจจุบันก็คือ โควิด-19 เป็นเหตุ! เมื่อหนึ่งในสมาชิกของแก๊งต้องถูก Lay off จากงาน จึงจำเป็นต้องมองหาอาชีพอะไรสักอย่างเพื่อขับเคลื่อนชีวิตให้ไปต่อ

คุณหลวง ดีไซเนอร์ของแบรนด์โพดโพ
“พูดได้แบบ 100% เลยก็ได้ว่าเกิดจากโควิดเป็นเหตุ เพราะว่าต่างคนเมื่อก่อนก็คือทั้ง3 คนเรียนจบมาด้วยกัน และก็ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกันแต่คนละสาขา แล้วทีนี้ผมก็เป็นคนแรกที่โดนวิกฤต “โควิด” เล่นงานก่อนเพื่อน ก็เลยไหน ๆ แล้วแบรนด์ตัวนี้เคยทำเป็นงานอดิเรกมาก่อน ขายทางออนไลน์เป็นหลัก ทำควบคู่มากับงานประจำอยู่แล้ว พอโควิด-19 มารอบแรกเลยก็โดน Lay off จากงานก็เลยเอายังไงดี? จะหางานใหม่มั้ยหรือยังไงดี แล้วพอดีช่วงนั้นโควิดฯ มาและก็เราทำแมสก์ ช่วงนั้นกระแสความต้องการใช้ก็มาด้วย ทีนี้คือเราอยากจะฉีกออกไป เพราะคำว่า “โพดโพ” แต่ไหนแต่ไรเราทำแบรนด์ตุ้มหูเมื่อก่อนนะ แล้วทีนี้คือคำว่า โพดโพ มันมาจากภาษาอีสานอยู่แล้วว่า ยิ่งใหญ่อลังการเกินเบอร์ ทีนี้ก็เลยเอ๊ย! ลองทำแมสก์ดูมั้ย? ก็ได้ไปออกทีวีรายการ ๆ หนึ่ง ในเรื่องของคอนเซ็ปต์ “ใส่เอามันส์ ไม่กันโรค” เป็นแมสก์ที่แบบแฟชั่นที่เราออกแบบเอง ทำเองตัดเย็บเอง
ก็คือพรีเซ้นต์ในเรื่องของการใส่ให้สนุก มีความสุข และก็แบบไม่ต้องไปซีเรียสกับปัญหาที่มีอยู่ หลังจากนั้นมาก็คือทุกคนมามองว่า เราเริ่มทำไม่ทันแล้ว! เพราะมันเข้ามาแบบเยอะมาก ๆ ออร์เดอตอนนั้นคือตูมเลย! หลังจากนั้นคุณแพทก็ตัดสินใจออกจากงาน หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยคุณแจ๊ส ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเราเลยก็ว่าได้”


แจ๊ส นางแบบของโพดโพ

แพท ผู้จัดการทั่วไปของโพดโพ
จากความชอบ สู่อาชีพที่ใช่!
ประมาณ 2 ปีที่ทำแมสก์แล้วก็หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เฟดออกมา เพราะว่ายังมีความรู้เรื่องของงานดีไซน์อยู่แล้วทั้ง3 คน เพราะจบมาทางด้านออกแบบดีไซน์(ดีไซเนอร์) ก็เลยต่อยอดในการทำ “เครื่องประดับ” ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความชำนาญ และก็ชื่นชอบอยู่แล้ว

“จริง ๆ ก่อนที่จะมาเป็นแมสก์เราทำ พวกตุ้มหู สร้อยคอ เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้มาก่อนแต่ว่า ยังไม่ไปถึงเบอร์แบบเครื่องหัวใหญ่ ๆ
แล้วพอมาทำแมสก์เสร็จปุ๊บ โควิดเริ่มซา ๆ เราก็เริ่มมาพัฒนาพวกนี้ต่อยอดมาเรื่อย ๆ แตกไลน์ออกไปในหลากหลายแบบ โดยเราก็มามองว่า ผู้หญิงสวย ๆ คนหนึ่งการที่เขาจะออกไปข้างนอกสร้างความโดดเด่น แบบไม่เหมือนใคร คือเขาต้องมีอะไรบ้าง
เราก็เอาสิ่งที่แบบว่าเรามองว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนสวย ๆ คนนั้นน่ะเขาขาด มาเติมเต็มที่เขาจะสวยขึ้นกว่าเดิม มีอะไรบ้างเราก็เติมเข้าไป เติมตุ้มหู เติมสร้อย เติมเครื่องหัว แล้วก็มีถุงมือ ต่าง ๆ พวกนี้ที่เราเพิ่มเข้ามา”


หน้ากากอนามัย โปรดักส์แจ้งเกิดของแบรนด์ Phodpoh


จากความชอบ งานอดิเรก อาชีพเสริม สู่อาชีพหลักในปัจจุบัน “ใช่ครับ พอประจวบด้วยเวลา โอกาส ประจวบเหมาะใด ๆ มันก็แบบเข้ามา แล้วทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงของมันเอง”


โพดโพ (Phodpoh) เครื่องหัวเกินเรื่องเกินเบอร์
ในเรื่องของการดีไซน์การคิดธีม (Theme) คือทั้ง3 คนจะคิดช่วยกัน ว่าเดือนนี้จะเอาความสำคัญของแต่ละช่วงเวลา อย่างเทศกาล ช่วงเทศกาลมีอะไรบ้าง ก็เลือกอิงเทศกาลที่มันจะไปกับกระแสตลาด ในช่วงเทศกาลใด ๆ เป็นต้น พอเลือกเสร็จก็จะต้องมาคุยกันว่า มันจะต้องเป็นTheme ไหน อย่างในช่วงนี้ที่ใกล้ ๆ จะถึงเลยก็คือ วาเลนไทน์


“วาเลนไทน์ค่ะก็จะมีหัวใจ มีดอกกุหลาบ แบบน่ารัก ๆ สีชมพู ดอกไม้ ก็จะมีการออกแบบให้เป็นแบบว่าช่อดอกไม้(ที่คาดผม) ฟิวคือทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายก็อาจจะแบบว่าซื้อดอกไม้ให้แฟนทุกปีแล้ว อาจจะเบื่อแล้วดอกไม้มีเต็มบ้าน เราก็เลยปรับมาเป็นช่อดอกไม้ ใส่เป็นเครื่องประดับดูบ้าง เผื่อแบบว่าคุณผู้ชายทั้งหลายถ้าสนใจก็สามารถเอาไปให้แฟนได้ก็จะใส่แล้วไปดินเนอร์ ดินเนอร์วาเลนไทน์ ก็จะแบบว่าสวย ก็จะมีความสวย ก็จะมีแบบเป็นหัวใจบนหัวแล้วก็มาเป็นแว่นรูปหัวใจ อะไรเงี้ยค่ะ ใส่ไปเที่ยวกับแฟนวันวาเลนไทน์”


หรืออย่างช่วงที่ผ่านมาก็จะมี “ตรุษจีน” ที่เพิ่งจะจบคอลเล็คชันไป ทุกเทศกาล หรือถ้าช่วงว่างจากเทศกาลก็จะมีงานเป็นคอนเซ็ปต์ของร้านเอง เพิ่มเติมเข้ามาด้วย เช่น ซัมเมอร์ และอื่น ๆ “เราจะมองเรื่องของความชอบ ชื่นชอบของผู้หญิง แล้วก็อิงเรื่องของแฟชั่นที่เรามีความรู้ หรือว่าได้ศึกษามาแล้วก็เอามาใส่ในช่วงที่ไม่มีเทศกาล และก็สร้างเรื่องให้เขาเป็นคอนเซ็ปต์ดีไซน์”

ทุกครั้งที่มีการออกสินค้าใหม่ โดยทางร้านจะทำเป็นคอนเซ็ปต์ดีไซน์แล้วก็สร้างเรื่องราวก่อนที่จะโปรยเรื่องราวว่า คอลเลคชันต่อไปจะเป็นอะไร ให้สาว ๆ เตรียมชุดเตรียมอะไรเอาไว้รอเลย ฝากติดตามว่าต่อไปนี้จะเป็นอะไร ก็จะมีการ mood อารมณ์ให้ ว่าจะประมาณนี้ ประมาณนี้นะ หลังจากนั้นก็จะตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทางร้านผลิตขึ้นมาใหม่ในแต่ละครั้ง มีการถ่ายแบบ แล้วก็จะมาพรีเซ้นต์เพื่อขาย โดยการโพสต์ลงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีความนิยมใช้กันในยุคนี้โดยใช้ชื่อว่า “Phodpoh” ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์สินค้าของทางร้านเอง




คนเห็นแล้ว....ยิ้ม คนใส่....ใส่แล้วรู้สึกแฮปปี้ก็พอ!
“คือตอนแรกมันบูมมาจากแมสก์ แล้วทีนี้คือเราเองไม่ได้วางเอาไว้เลยว่า ลูกค้าจะเป็นใครบ้าง? คือเหมือนเราค้นหาไปเรื่อย
ๆ ค่ะว่ากลุ่มนี้ใช่มั้ย กลุ่มนี้ใช่มั้ย หรือยังไงอะไรเงี้ยค่ะ แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นลูกค้ากลุ่มส่วนใหญ่เป็น อายุประมาณ 30 ขึ้นไป
เป็นวัยทำงานแล้ว มีครอบครัวแล้ว หรือแม้แต่เป็นวัยเกษียณก็มี หลัก ๆ นะคะจะ 30 อัพถึง 60 ประมาณนี้เลย เพราะว่าอย่างคนที่มีครอบครัวแล้วเขาจะซื้อให้ลูก เวลามีงานของโรงเรียนหรืออะไรจะซื้อไปแต่งให้ลูกก่อน คือไม่ใช่วัยรุ่นไม่ใช่แบบ 18 หรือจะ 25 ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี”



ซื้อไปใส่ออกงานคู่แม่&ลูก ซื้อไปใส่ถ่ายแบบ งานคอนเท้นต์ งานประกวด ต่าง ๆ “ตอนนี้ลามไปถึงพวกพ่อค้า-แม่ค้า ที่ต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ตัวเอง ซื้อไปใส่ไลฟ์สดเพื่อขายสินค้า ซื้อไปทำคอนเท้นต์ พวกที่เป็นเน็ตไอดอลต่าง ๆ หรือแม้แต่ดาราเนาะ เพื่อจะสร้างความแตกต่างให้กับตัวเองว่าให้จดจำมันก็จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ให้ลูกค้าจำได้”

โดยความตั้งใจที่ใช้ในการสื่อสารผ่านทางสินค้านี้เลยก็คือว่า ทุกคนต้องการมีความสุข อยากเห็นรอยยิ้ม ทุกคนอยากเห็นรอยยิ้มของคนรอบข้าง คือผลิตภัณฑ์เราในเรื่องของแบบเห็นปุ๊บ ต้องยิ้มเลย คือต้องยิ้ม(ในความเว่อร์วังอลังการเกินเบอร์) อันนี้ไม่รู้นะคือคิดเองว่าคนจะต้องยิ้ม คิดว่าน่าจะเป็นPositive (ทางบวก) ด้วยคือไม่หัวเราะอย่างใด ก็อย่างหนึ่งล่ะ เห็นได้ชัดเลยตอนที่ไปออกบูธที่ไอคอนฯ ล่าสุดค่ะ ก็คือคนเดินผ่านร้านทุกคนก็จะสะกิดเพื่อน ฟิวแบบแก ๆ แล้วก็หันมาแล้วก็หัวเราะ อะไรเงี้ย เห็นแล้วก็แบบว่ายิ้ม อะไรเงี้ย ใครเดินผ่านไป-ผ่านมาก็แบบว่า บางทีไม่ได้แวะมาซื้อไม่ได้แวะมาอุดหนุนแต่ก็ยิ้ม อะไรเงี้ยค่ะ เออเราก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนะ เพราะว่าเราตั้งใจสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาเพื่อให้แบบ สร้างความสุข ให้กับคนที่พบเจอ
ไม่ว่าจะแบบใส่หรือว่าแค่เห็นก็ขอให้ ทุกคนมีรอยยิ้ม”



เล็ก ๆ ไม่!!! มินิมอลไม่ใช่ทางสำหรับ Phodpoh
ที่อิงตามเทศกาลเลยก็จะมี คริสต์มาส ตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ ลอยกระทง และก็ฮาโลวีน เป็นต้น มี6 เทศกาลนี้ที่ว่าเป็นหลัก ๆ เลย ที่เราจะออกคอลเลคชันมาตามเทศกาล แต่ว่าก็จะมีพวกที่เป็นแบบคอลเลคชัน วินเทอร์ ซัมเมอร์ อะไรพวกนี้ค่ะ ก็จะมีธีมทะเล หรือธีมแบบดอกไม้กับผีเสื้อ พวกป่าหรือฟอเรสต์ อย่างนี้เป็นต้น หรือฮาวาย คือเราจะเน้นแบบให้สื่อสารกับคนเข้าใจได้ง่าย ๆ เข้าใจแบบว่าอ้อ! เห็นแล้วปุ๊บไม่ต้องแบบ ให้เขาไปคิดต่อว่าเฮ้ย! นี่มันอะไร? อะไรอย่างเงี้ยครับ จะไกด์ให้ก่อน แล้วพอมาเจอของ ๆ เราคือเขาได้ไอเดียเลย”

กลุ่มแม่ค้าซื้อไปใส่เพื่อสร้างจุดขายสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า
โดยทุกครั้งที่มีการออกคอลเลคชันใหม่ ก็จะสามารถปิดการขายได้หมดทุกครั้งไป ขายหมด ไม่มีเหลือเลย “ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเนาะ แต่ว่าเราก็อยากให้มันคืออยากพัฒนาไปกว่านี้อีกนะครับ”  สำหรับการพรีเซ้นต์เพื่อขาย คืออันดับแรกจะทำเป็น “ต้นแบบ” ออกมาก่อน แล้วแต่ละชิ้นคือบอกได้เลยว่า ไม่เหมือนกันแน่นอน อย่างต้นแบบมันจะเป็นลักษณะนี้(Limited) ถ้าลูกค้าต้องการอยากได้แบบนี้ ทางร้านก็จะแจ้งลูกค้าเลยว่า ไม่เหมือนนะครับ โดยจะทำให้แบบชิ้นต่อชิ้นเลย เพื่อสื่อถึงความพิเศษที่จะไม่ซ้ำกับใครเลย ในดีเทลหรือรายละเอียดแต่ละจุดจะไม่เหมือนกัน แต่จะบอกว่ารูปทรงลักษณะนี้นะ สีแบบนี้นะ จะประมาณนี้ถ้าลูกค้ามีชุดแบบไหน ทางร้านก็สามารถออกแบบให้ได้ อย่างนี้เป็นต้น “บางคนอาจจะแบบมีสีไม่เหมือนกับที่เราพรีเซ้นต์ไป แต่อยากได้รูปทรงแบบนี้ทำให้หน่อยได้มั้ย เราก็โอเคได้ ทุกครั้งที่ลูกค้าบอกมาน้อยที่จะบอกว่าไม่ได้ ส่วนใหญ่คือได้”

หลังจากเกิดคำสั่งซื้อหรือการ order แล้ว ลูกค้าจะได้รับสินค้าภายในระยะเวลา ไม่เกิน 3-5 วัน ก็ได้แล้ว “แจ้งลูกค้าไปประมาณ
3-5 วัน แต่ว่าส่วนมากก็คือจะได้ก่อน เราก็พยายามเร่งให้เพราะว่าเวลาที่เราสั่งอะไรไปเนี่ย เราต้องการที่จะแบบว่าต้องการเห็น เพื่อที่จะไป Fitting กับชุด เลือกรองเท้า เลือกชุด เลือกกระเป๋า เลือกอะไรที่มันเข้าเซ็ตอะไรเงี้ย ด้วยความที่เราเข้าใจผู้หญิงก็เลยพยายามปรับเพื่อสนองneed เพื่อจะตอบโจทย์สำหรับผู้หญิง ให้แบบได้เต็มที่”

ใส่เพื่อสร้างความแตกต่างไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์สินค้าของตัวเอง
สำหรับในเรื่องของราคา เริ่มต้นที่150 บาท ก็จะเป็น แหวน กิ๊ป หรือเป็น accessories เล็ก ๆ อย่างตุ้มหูก็มี ในราคา 150 บาท ก็ไปจนถึง 3,590 บาท และถ้าแบบเป็นเซ็ตก็จะมี 5,990 บาท ก็มี แล้วแต่เซ็ตเลย หรืออย่างแพงสุดที่เคยขายมาก็ไม่เกิน 6,000 บาท

“ในการผลิตอย่างเครื่องหัวต่อวันก็จะทำได้มากสุดคือ ประมาณ 20 ชิ้นมากสุดจริง ๆ ได้เท่านี้ต่อวันรวมชิ้นเล็ก-ชิ้นน้อยนะครับ คืออย่างถ้าเป็นชิ้นใหญ่เลยก็เช่น ฟิวคริสต์มาสตัวใหญ่ มันก็เริ่มที่ 3 อันอย่างเงี้ยคะ ถ้าอย่างใหญ่สุดเลยเต็มที่ก็ประมาณ3
อัน(ต่อ1 ชิ้นงาน) อย่างไซส์ช่อดอกไม้(ที่คาดผม) ก็จะได้อยู่ประมาณ20 ชิ้น/วัน คือเป็นไซส์กลาง แต่ว่าสำหรับการใช้งานของลูกค้าคือจะเป็นแบบว่า ใส่ชิ้นเดียวไม่เคยพอจะต้องมี แว่น มีตุ้มหู ต้องมีสร้อย อะไรพวกนี้ด้วยจึงจะครบ คือเราจะมีสโลแกนของทางร้านอยู่แล้วครับว่า we don’t believe in minimal style ก็คือเราจะไม่เชื่อในเรื่องของความมินิมอล มีอะไรต้องเติมเข้าไปอีก อีก ๆ ห้ามถอดออก ต้องเติมเข้าไปเท่านั้น”


ธีมรับวาเลนไทน์สุดแสนหวาน
สวยและปังขั้นสุด!!! วงการนี้เข้าแล้วออกไม่ได้
ทั้ง 3 คนบอกว่าหลังจากที่ทำแบรนด์นี้มา รวมระยะเวลาทั้งหมดกว่า 5 ปีแล้วและก็ช่วงที่มาแจ้งเกิดธุรกิจได้จริง ๆ คือตอนทำแมสก์จำหน่ายในช่วงของการเกิด “โควิด-19” ระลอกแรก ๆ ที่มีการระบาดขึ้นมาทั่วโลก “สำหรับปัญหาหรืออุปสรรคที่เจอ
ที่เคยสะดุดก็จะเป็นในเรื่องของ ผลิตไม่ทัน
! แล้วเราแบบหาแรงงานที่จะผลิตแบบให้ไม่ได้ เพราะว่าจริง ๆ คือแต่ละชิ้นเนี่ย มันค่อนข้างมีดีเทลและละเอียดซึ่งใช้เวลาอย่างวันหนึ่ง ๆ ทำได้แค่ 3 ชิ้น ถ้าแบบเป็นเครื่องหัวใหญ่ ๆ แบบนี้ค่ะ ดีเทลมันจะแบบค่อนข้างละเอียดแล้วกำลังผลิตเรามีอยู่แค่นี้ (ทำเอง3 คน) ทีนี้เราก็เลยมองหาแรงงานที่จะมาช่วย แบบว่าทำประกอบชิ้นส่วนที่มันแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันไม่ได้มีความแบบ ละเอียดต้องใช้สกิลอะไรเยอะแยะมากมาย ที่เราสามารถสอนให้เขาทำได้ โดยเร็ว ๆ นี้จะเปิดที่พัทยาค่ะ เป็นหน้าร้าน ก็จะเปิดเป็นทั้งหน้าร้าน ที่ผลิต เป็น Shop และก็เป็น Studio ด้วย คือตอนนี้กำลังผลิตมันเริ่มไม่พอเลยต้องเริ่มเปิด รับคนที่มาช่วยทำด้วย”



ส่วนใครที่กำลังสนใจ เป็นมือใหม่ที่อยากจะลอง สวยปังอลังการ แบบนี้ก็มีคำแนะนำจากดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Phodpoh
ที่เราแอบถามมาเผื่อให้ด้วยนะ! “ถ้าให้แนะนำเลยหลัก ๆ ถ้าจะให้ปังขั้นสุด!!! เลยก็อย่างต่ำต้องมี 3 ชิ้น อะไรประมาณนี้ค่ะ หลัก ๆ เราจะมีขายเป็นคาดผมแล้วก็แว่นเนี่ยคือต้องมาอยู่แล้ว 2 ชี้นนี้ อาจจะเพิ่มตุ้มหูหรือสร้อยเพื่อให้เต็ม คือเอาไปชิ้นเดียวอาจจะไม่พอ ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะโอเคตามที่เราเชียร์นะคะ เพราะว่าส่วนหนึ่งคือเขาจะเปิดใจมาแล้ว คือเราจะมีภาพให้ดูว่าถ้าใส่แล้วมันจะเป็นแบบนี้นะ จะปังขึ้น ก็จะมีคนตามงบก็จะมีเหมือนกันนะคะ ก็จัดให้ได้เหมือนกัน บางทีอาจจะยังไม่กล้าหรือยังห่วงกับภาพที่มันจะออกมา จะเป็นอย่างไรบ้างยังแอบกังวลอยู่ ซึ่งบางทีไม่ได้ห่วงเรื่องงบหรอก เป็นมือใหม่ที่เริ่มหัด “โพดโพ” อะไรอย่างเงี้ย เริ่มเข้าวงการใหม่ ๆ กลัวอยู่ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไร คือกลัวคนมองว่าจะเป็นยังไง คือยังไม่เคย แต่ถ้าได้เคยแล้วก็จะ ก็คือลงไม่เป็น! ใช่ถ้าสมมุติลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาแล้ว ออกไม่ได้! ก็จะซื้อต่อเนื่อง ออกไม่ได้ก็คือในที่นี้ก็คือ ได้สั่ง 1 ชิ้นแล้วชิ้นที่ 2 ชิ้นที่ 3 จะตามมา บางท่านภายในระยะเวลาเดียวกัน อย่างคอลเลคชันนี้เอ้า! สั่งไปก่อน พอสั่งได้รับชุดนี้แล้วที่พี่เสนอไว้พี่เอาอีก! อะไรอย่างเงี้ย ก็มีครับ คือเราจะแจ้งว่ามันเป็นชิ้นเดียว คือผลิตซ้ำไม่ได้ คือถึงจะผลิตคล้ายกันยังไง มันก็ไม่เหมือนชิ้นในภาพอะไรเงี้ยค่ะ ประมาณนั้น”

ไม่น่าเชื่อว่าสินค้าที่ดูจะเป็นของ “ฟุ่มเฟือย” เสียด้วยซ้ำไปสำหรับในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นของที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นตัวช่วยในการทำมาหากินช่วยสร้างจุดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในยุคการตลาดแบบออนไลน์ที่กำลังเฟื่องฟู รวมถึงยังสร้างหรือช่วยเรียก “รอยยิ้ม” เพื่อสร้างความสุขในการขับเคลื่อนชีวิตให้ไปต่อ ที่ไม่เพียงเป็น “ชีวิตใหม่” ของทั้ง 3 เพื่อนซี๊ได้มีอาชีพได้มีธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นของตัวเองให้เกิดขึ้นมาได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของเวลาและเหตุการณ์สำคัญอย่าง “โควิด-19” ที่ได้เข้ามาเพื่อเร่งเร้าในการปรับเปลี่ยนวิถีของผู้คนในโลกใบนี้ จากอะไรที่ไม่เคยก็ต้องทำ! เป็นการเปลี่ยนใหม่เพื่อความอยู่รอดต่อไป และก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มจะคุ้นชินกับชีวิตวิถีใหม่กันแบบไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แล้ว “ชีวิตต้องดำเนินต่อไป..”

ขอบคุณแรงบันดาลใจดี ๆ จาก “Phodpoh” และสามสาวเพื่อนซี๊ดีไซเนอร์คนเก่งเจ้าของผลิตภัณฑ์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.065-451-9464



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น