xs
xsm
sm
md
lg

ดูเชิร์ท ผนึก ดีพร้อม ชู “Thailand Textiles Tag” เพิ่มมูลค่าและยกระดับมาตรฐานสิ่งทอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดในธุรกิจกลุ่มการ์เมนท์ ที่กำลังมีการแข่งขันรุนแรง ตั้งแต่การดัมพ์ราคา และการใช้นวัตกรรมเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เข้ามาแข่งขัน ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อย่าง “ดูเชิร์ท” แบรนด์คนไทยแท้ ออกมาเปิดเกมรบชนิดเข้มข้น มุ่งขานรับนโยบายรัฐ เข้าร่วมกิจกรรมดีพร้อมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) หวังยกระดับแบรนด์และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม รวมถึงแผนปีนี้ ชู กลยุทธ์ human development strategy พัฒนาคนในทุกสายงาน ผงาดในตลาดการ์เมนท์ไทย ในปี 2566


นายพีรภัทร์ ปริชาตปรีชา ประธาน บริษัท ดูเชิร์ท ดอท เน็ต จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์ ดูเชิร์ท ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) ตั้งแต่ปี 2565 โดยได้รับองค์ความรู้ด้านการผลิต และทางดีพร้อมมีการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผ้าและวัตถุดิบที่ใช้ผลิต ขั้นตอนการผลิตต่างๆ รวมถึงการควบคุมคุณภาพการผลิต จนผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอ หรือ Thailand Textiles Tag ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเอสเอ็มอี ที่ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

กลุ่มสินค้าของดูเชิร์ท ที่ได้รับ Thailand Textiles Tag มี 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เสื้อพละ กางเกงพละ และเสื้อโปโล โดยภายหลังการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวของดีพร้อม ทำให้ดูเชิร์ท มียอดขายเพิ่มขึ้นใน 3 กลุ่มสินค้ารวมกว่า 200,000 ชิ้น ซึ่งแผนในปีนี้จะนำแจ็คเก็ตและเสื้อช็อปเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมด้วย ไม่เพียงเท่านี้ ดูเชิร์ท ยังมุ่งพัฒนาด้านนวัตกรรมสิ่งทออย่างต่อเนื่องแล้ว แต่การผ่านรับรองมาตรฐาน Thailand Textiles Tag จะยิ่งช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งลูกค้าของดูเชิร์ท จะเป็นแบบ B2B เป็นหลัก


ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการดำเนินการตลาด บริการออกแบบ ตัดเย็บเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ทุกชนิดตามรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ (Made to Order) อาทิ เช่น เสื้อโปโล (Polo Shirt) เสื้อแจ็คเก็ต (Jacket) เสื้อช็อป (Workshop Suit) เสื้อชมรม เสื้อกิจกรรม ชุดยูนิฟอร์ม (Uniform) ชุดพลศึกษา ชุดวอร์ม (Track Suit & Warm Up) เป็นต้น โดยบริการออกแบบ และตัดเย็บเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ตามแบบ ให้แก่ลูกค้า ทั้งที่เป็นองค์กร และบุคคลทั่วไป เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน หน่วยงาน ราชการ ผู้ประกอบธุรกิจทั่วไป เป็นต้น

สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ ของ ดูเชิร์ท จะมุ่งเน้น 3 ส่วนหลัก 1. กลยุทธ์ human development strategy พัฒนาคนในทุกสายงาน เน้นความชำนาญด้านการตลาด การขาย การผลิตสินค้าคุณภาพ การบริหารต้นทุนที่ดี และความคิดสร้างสรรค์เรื่องการออกแบบ 2.Innovation Marketing การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม ทั้งเรื่องเนื้อผ้าที่ใช้ผลิตยูนิฟอร์ม เน้นป้องกันเชื้อโรค ฝุ่นละออง แสง คุณสมบัติต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีป้องกันจากเชื้อโรคได้ แจ็คเกต เน้นนวัตกรรมป้องการแพร่ระบาดของโควิด และไฟลาม มุ่งเน้นสุขภาพ เป็นต้น และ 3. Brand Awareness ด้วยสื่อออนไลน์ และออฟไลน์ ตั้งแต่เพจเฟซบุค ไลน์ออฟฟิศเชี่ยล ไอจี ตลอดจนการออกบูธ และผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อส่งเสริมในเรื่องการขยายการรับรู้ รวมถึงการบอกต่อ (Buzz) ภายใต้สโลแกน “DoShirt.Net นึกถึงเสื้อ นึกถึงเรา”


นายพีรภัทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ได้สั่งสมประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจสิ่งทอ การ์เมนท์ตั้งแต่เล็ก เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เปิดโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อผ้าที่จังหวัดนครสวรรค์ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าชุดพละ แล้วได้นำองค์ความรู้เหล่านั้นมาสานต่อตั้งบริษัท ดูเชิร์ท ดอท เน็ต ได้จัดตั้งเมื่อปี 2554 และสร้างโรงงานผลิตเอง ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำให้ธุรกิจใน 3 ปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ในสภาพเขตเศรษฐกิจในประชาคมอาเชียน (AEC) และ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผลักดันให้แบรนด์คนไทยแท้เติบโตในตลาดสากล

“การที่เราจะเข้าสู่ตลาดสากลได้ เราต้องมีความพร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะการทำงานผนึกกับภาครัฐ สำหรับปี 2566 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มีโครงการสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ที่มีสิ่งทอเป็นองค์ประกอบ เข้าร่วมโครงการดีพร้อมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) เพื่อขอรับเครื่องหมายคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทย (Thailand Textiles Tag) และรับสิทธิ์การให้คำแนะนำปรึกษา การทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ภายใต้ข้อกำหนด และกิจกรรมอบรมความรู้ด้านการตลาด การออกตลาด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง” นายพีรภัทร์ กล่าวพร้อมกับปิดท้ายว่า


“อยากเชิญชวนภาคผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้เข้าร่วมโครงการฯ เพราะฉลากคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทย หรือ Thailand Textiles Tag นั้น เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand) และได้รับการพัฒนาคุณภาพโดยผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่ผลิตในประเทศไทยและได้รับการพัฒนาคุณภาพโดยผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล เป็นการสร้างโอกาสเพื่อให้แข่งขันได้ทั้งตลาดภายในและต่างประเทศแล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความแตกต่างของลักษณะคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าประเภทเดียวกัน เป็นการรณรงค์ให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและตระหนักถึงการเลือกซื้อ เลือกใช้สินค้าคุณภาพที่ผลิตในประเทศไทย อันมีผลช่วยส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายภายในประเทศ และผลักดันให้เศรษฐกิจของชาติมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”


กำลังโหลดความคิดเห็น