เศษหนังเหลือใช้ที่ถูกทิ้งและทำลายโดยการเผานั้นทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้แบรนด์ “THAIS” เล็งเห็นความสำคัญในการรักษ์โลกโดยการนำเอาเศษหนังเหลือทิ้งเหล่านั้นนำกลับมารีไซเคิลให้เกิดเป็นวัสดุและสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ทั้งนี้แบรนด์ยังมองการณ์ไกลโดยการตีตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
สุลีพร ราชพลสิทธิ์ Growth Marketing Strategist แบรนด์ THAIS (ธาอีส) เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ THAIS นั้นเริ่มต้นมาจาก นายธันยวัฒน์ ทั่งตระกูล กรรมการผู้จัดการ บจก. ธาอีส อีโคเลทเธอร์ ที่ต้องการกล่องเครื่องดนตรีที่เป็นหนัง แต่ในประเทศไทยยังไม่มีสินค้าประเภทนี้จำหน่าย ทำให้หันไปเรียนตัดเย็บเครื่องหนังเพื่อมาทำกล่องเครื่องดนตรี ซึ่งในขณะที่กำลังเรียนตัดเย็บเครื่องหนังอยู่นั้นทำให้ได้พบว่า 50-60% ของเครื่องหนังถูกนำมาผลิตเป็นสินค้าแต่ส่วนที่เหลือนั้นถูกทิ้งให้เป็นขยะ และไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้หรือนำมารีไซเคิลต่อ โดยขยะเหล่านี้สถิติในประเทศไทยต่อปีมีประมาณ 12 สนามฟุตบอล หลังจากนั้นนายธันยวัฒน์จึงตระหนักได้ถึงผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ยังได้ไปเห็นเศษหนังจำนวนมากที่กำลังถูกทำลายด้วยการเผาทิ้งซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ทำเครื่องหนังต่อแต่จะหันมาทำสินค้าจากเศษหนังเหลือใช้แทน โดยทำให้เกิดประโยชน์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างเป็นมูลค่าได้
ทั้งนี้สำหรับแบรนด์ THAIS นั้นเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจเมื่อช่วงปลายปี 2561 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากยังเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ กระบวนการรีไซเคิลเศษหนังมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและเป็นรายแรกของโลกที่ทำด้วยกระบวนแบบนี้ซึ่งก็คือการนำเอาเศษหนังเหลือทิ้งมาสร้างเป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่าได้ และสร้างขยะที่ถูกทิ้งให้ฟื้นคืนชีพด้วยวิธีการที่ถูกต้อง โดยไม่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อคนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีเครื่องจักรในการผลิตโดยการในผลิตนั้นได้ใช้ น้ำ จำนวนน้อยกลดลงไปกว่า 15% ของกระบวนการรีไซเคิลหนังแบบปกติ
นอกจากนี้กว่าจะสินค้ามานั้นต้องการกระบวนการสับ การทำให้ย่อย ทำให้ไฟเบอร์ละเอียดขั้นตอนสุดท้ายจะทำออกมาเป็นแผ่นคล้ายไม้อัดแต่มีขนาดเล็กว่า เรียกได้ว่าเป็นวัสดุแบบใหม่ ซึ่งแผ่นหนังเหล่านี้สามารถนำกลับไปทำรีไซเคิลได้อีกไม่รู้จบ ซึ่งกระบวนการผลิตนั้นจะไม่มีการเติมแป้ง หรือสีเข้าไปผสมเพิ่มเติมโดยจะใช้สีดั้งเดิมของตัวหนัง นอกจากนี้สินค้าของทางแบรนด์จะแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ตัวที่เป็นแผ่นวัสดุเพื่อที่ลูกค้าจะสามารถซื้อแล้วนำไปผลิตต่อได้ และได้มีการรับผลิตและออกแบบให้แก่ลูกค้า รวมถึงมีการทำดีไซด์และมีสินค้าที่เป็นของแบรนด์ด้วยเช่นกัน โดยสินค้าจะเป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์โปรดักส์ ซึ่งในตอนนี้ทางแบรนด์พยายามที่จะทำให้หนังรีไซเคิลเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนโดยการผลิตอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันออกมาและยังครอบคลุมไปถึงงานออกแบบภายในอีกด้วย
สำหรับการทำการตลาดนั้นทางแบรนด์เป็นแบรนด์น้องใหม่จึงได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐค่อนข้างมาก เนื่องจากทางแบรนด์ได้มีการนำเสนอนวัตกรรมของแบรนด์เข้าประกวดในงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับรางวัลจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้สำหรับกลุ่มลูกค้านั้นจะเป็นลูกค้ามากกว่าลูกค้าคนไทย เนื่องจากได้มีโอกาสไปออกบูธหรือเข้าร่วมงานในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีลูกค้าให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นในช่วงแรกกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้นจะเน้นเป็น B2B เป็นหลักและเน้นที่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ แต่ด้วยสถานการณ์กระแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 นั้นทำให้ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ยังมีการโปรโมทผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าที่ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์นั้นได้มีการปรับให้สินค้ามีขนาดเล็กลง ราคาเข้าถึงได้ และสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนไทยมากยิ่งขึ้น เช่น พวกกุญแจที่มี หรือเคสที่สามารถใส่สเปย์แอลกอฮอลล์ได้ โดยจะเข้าถึงลูกค้าคนไทยเป็นอย่างมาก โดยทางแบรนด์จะให้สเปย์แอลกอฮอลล์ไปด้วย โดยจะพกพาหรือห้อยเป็นพวงกุญแจก็ได้หมด นอกจากนี้ผลตอบรับที่ได้จากการสร้างแบรนด์และใส่ใจต่อวัสดุเหลือทิ้งแล้วนำกลับมารีไซเคิลเพื่อสร้างสินค้าให้เกิดมูลค่าได้นั้นผลตอบจากลูกค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ตัวหนังที่นำมาผลิตเป็นสินค้าใหม่นั้นทางแบรนด์จะได้รับจากโรงงานที่ผลิตเครื่องหนังอยู่เป็นประจำ โดยจะมีการคัดแยกประเภทของหนัง แยกสี และทำการซักล้าง ก่อนที่จะเข้ากระบวนการรีไซเคิลต่อไป ทั้งนี้ในการผลิตแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 2 วันเนื่องจากในขั้นตอนการผลิตนั้นจะมีขั้นตอนการซักล้างและตากให้แห้ง โดยจะใช้วิธีการทำให้แห้งโดยธรรมชาติเนื่องจากต้องการคงความเป็นธรรมชาติของสีเอาไว้ ซึ่งการคัดแยกประเภทของหนังก็จะมีทั้งการคัดแยกประเภทการฟอก แยกประเภทของหนังสัตว์ เช่น วัว ควาย หรือแกะ เป็นต้น
นอกจากนี้ในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนที่จะต่อยอดธุรกิจหนังรีไซเคิลไปในทิศทางของการนำเอาวัสดุที่เป็นธรรมชาติเข้ามาผสมผสานเข้ากับตัวหนังรีไซเคิล ให้กลายเป็นวัสดุใหม่ เช่น ใยสับปะรด พืช หรือเส้นใยจากเสื้อผ้าที่เป็นออร์แกนิก ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและใช้เวลาในการศึกษาข้อมูล อย่างไรก็ตามวัสดุและสินค้าของทางแบรนด์นั้นสามารถนำไปใช้ในหารตกแต่งบ้านได้ ใช้แทนวัสดุบางอย่างในวงการของการออกแบบภายในได้ ซึ่งวัสดุเหล่านี้ไม่ลามไฟ มีอายุการใช้งานได้นานถึง 10 ปี ไม่ร่อน ไม่บวม ไม่แตก ถ้าหากไม่ถูกน้ำท่วมหรือโดนแช่น้ำไว้เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางแบรนด์ได้มีการสื่อสารออกสู่กลุ่มลูกค้าว่าทางแบรนด์นั้นไม่ได้จำหน่ายเพียงแค่กระเป๋าที่ทำจากหนังรีไซเคิล เนื่องจากการเริ่มต้นนั้นเริ่มจากหนังแต่ในขณะนี้มีสินค้าตัวอื่นและงานอื่นๆ ที่ทำจากหนังรีไซเคิลหลายตัวเพื่อรองรับความต้องการแต่ตอบสนองต่อการรักษ์โลกและรักสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งลดมลภาวะในการเผาขยะที่เป็นหนังเหลือทิ้ง นอกจากนี้การทำสินค้าจากเศษหนังเหลือทิ้งนั้นทางแบรนด์ใส่ใจและได้แรงบันดาลใจมากจากการเห็นเศษหนังเหลือทิ้งถูกเผาโดยไร้ประโยชน์จึงเล็งเห็นความสำคัญในการนำกลับมาสร้างเป็นสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
ติดต่อเพิ่มเติมFacebook : Thais EcoleathersWebsite : https://www.thais-ecoleathers.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *