xs
xsm
sm
md
lg

ผลการจดทะเบียนเถ้าแก่ใหม่ และเลิกกิจการ เดือน ก.พ. 63

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานผลการจดทะเบียนธุรกิจ เดือน ก.พ. 2563 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 6,407 ราย มูลค่า 30,298 ล้านบาท ประเภทธุรกิจ 3 อันดับ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหาร ภัตตาคาร ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ 815 ราย มูลค่า 6,026 ล้านบาท

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 6,407 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 30,298 ล้านบาท โดย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 597 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 332 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 191 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,713 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.56 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,599 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.96 ลำดับถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 84 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.31 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ

ส่วน ธุรกิจจัดตั้งใหม่สะสม จำนวนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 63 มีจำนวน 13,349 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 62) จำนวน 13,874 ราย โดยลดลงจำนวน 525 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 63 มีจำนวน 46,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,003 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 62) จำนวน 34,551 ล้านบาท

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนกุมภาพันธ์ จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีจำนวน 815 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 6,026 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 104 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 563 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.08 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 223 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.36 ลำดับถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 26 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.19 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.37 ตามลำดับ

ส่วน ธุรกิจเลิกสะสม จำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 63 มีจำนวน 2,222 ราย เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จำนวน 9 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 62) จำนวน 2,213 ราย สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 63 มีจำนวน 9,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,933 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 62) จำนวน 6,993 ล้านบาท

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกุมภาพันธ์ ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 29 ก.พ. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศจำนวน757,178 ราย มูลค่าทุน 18.42 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 186,103 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.58 บริษัทจำกัด จำนวน 569,816 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.25 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,259 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 447,316 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.08 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.12 รองลงมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 222,898 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.44 รวมมูลค่าทุน 0.73 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.96 ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,338 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.42 รวมมูลค่าทุน 1.94 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.53 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,626 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 15.36 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.39 ตามลำดับ

สำหรับผลการจดทะเบียนธุรกิจต่างด้าวมาลงทุนในไทย เดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 59 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 39 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 16,840 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2563 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 9% (เพิ่มขึ้น 5 ราย) ในขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 301% (12,642 ล้านบาท)

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 17 ราย เงินลงทุน 1,311 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 10 ราย เงินลงทุน 1,756 ล้านบาท และเกาหลีใต้ 4 ราย เงินลงทุน 188 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น