“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เผยบริษัทตั้งใหม่เดือน ม.ค. 63 มีจำนวน 6,942 ราย ลดลง 5% แต่เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ หลังคนมั่นใจทำธุรกิจ รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริม SMEs ส่วนยอดเลิก 1,407 ราย เพิ่ม 0.4% คาดแนวโน้มการตั้งบริษัทใหม่ยังดี ทั้งปี 7.1-7.3 หมื่นราย รับโควิด-19 อาจกระทบยอดตั้งบริษัทใหม่บ้าง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว เล็งจัดอบรม สัมมนา ลงพื้นที่ต่างจังหวัด ช่วยเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือน ม.ค. 2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 6,942 ราย เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา และลดลง 5% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2562 แต่ก็ถือเป็นยอดตั้งใหม่ที่สูงและน่าพอใจ เพราะคนมั่นใจการทำธุรกิจ และรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ในการทำธุรกิจและส่งเสริมด้านเงินทุน และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 16,256 ล้านบาท โดยธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ยังคงเป็นก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 1,407 ราย เทียบกับเดือน ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ลดลง 75% เพราะเดือน ธ.ค. 2562 ที่มีจดเลิกเยอะ จากการที่ไม่ต้องการส่งงบการเงินประจำปี 2563 และเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2562 เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยปกติ ไม่มีอะไรน่ากังวล โดยมีทุนจดทะเบียนเลิก 3,900 ล้านบาท และธุรกิจที่เลิก 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร ถือว่าสอดคล้องกับที่ตั้งใหม่
สำหรับแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในปี 2563 กรมฯ มั่นใจว่าจะมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดทั้งปีน่าจะทำได้ 7.1-7.3 หมื่นราย มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลมีนโยบายในการสนับสนุน SMEs แต่ก็ต้องระวังปัจจัยเสี่ยง เช่น ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาด ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่อาจจะมีจำนวนลดลง ซึ่งต้องรอดูตัวเลขเดือน ก.พ. 2563 ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นระยะสั้น เพราะหากสถานการณ์คลี่คลายทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และในทางกลับกันจะส่งผลดีต่อธุรกิจบางธุรกิจ เช่น เกษตรและอาหารที่จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นจากความต้องการซื้อสินค้าที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมฯ ได้มีมาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจอื่นๆ แล้ว โดยจะเพิ่มการจัดกิจกรรมในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ทั้งการอบรม จัดสัมมนา การลงพื้นที่ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และทดแทนในส่วนรายได้ที่ขาดหายไปจากการท่องเที่ยว และหน่วยงานอื่นๆ ในกระทรวงพาณิชย์ ก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ อยากจะฝากถึงหน่วยงานเอกชนขอให้ดำเนินการด้วย เพื่อช่วยเหลือธุรกิจคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ลดลงด้วย