กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) สนับสนุนความสำเร็จผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่จังหวัดน่านที่มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ สามารถผลิตสินค้าแปรรูปที่ทำจากพืชในท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์จากมะไฟจีน ชาเมี่ยง ฯลฯ ที่ส่งต่อไปยังผู้บริโภคโดยมีการจำหน่ายบนเครื่องบิน ทำให้ยอดขายพุ่งทะยานสู่หลักล้าน รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแตกไลน์ผลิตและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดจากออฟไลน์สู่ออนไลน์
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาคเหนือของไทยนั้นมีทุนทางสังคมและวัฒนธรรมประเพณีที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น อีกทั้งทำเลที่ตั้งยังมีศักยภาพในการขยายการค้าการลงทุน และบริการเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงมีพืชผลทางการเกษตรที่สามารถนำมาแปรรูปสร้างรายได้หลากหลายชนิด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น อย่างการนำวัตถุดิบ หรือพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลักมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รองรับความต้องการของผู้บริโภคในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสุขภาพและความงามที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกเครื่องสำอางของไทยขยายตัวในตลาดโลกได้ดีต่อเนื่อง มูลค่าการส่งออก 6 เดือนแรกของปี 2562 มีมูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 35.4 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับใบหน้า เส้นผม และอนามัยของช่องปากและฟัน กสอ.จึงมุ่งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดจากวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น อย่างมะไฟจีน และเมี่ยง ซึ่งถือเป็นพืชท้องถิ่นของทางภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่มีจำนวนมาก
“แต่ละพื้นที่ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราว (Story) ของมันอยู่แล้ว กสอ.จึงเข้ามาช่วยเติมเต็ม สร้างองค์ความรู้ ช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ทั้งเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัย และพัฒนา เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล การให้คำปรึกษา การบริหารจัดการ รวมถึงการหาตลาดรองรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการทำตลาดออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการตลาดในปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้ กสอ.ได้จัดอบรมเพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการในหัวข้อต่างๆ เช่น “อัปยอดขาย เจาะตลาดออนไลน์ 2020” “เปิดด้วย Facebook รุกด้วย Line@” “ชี้ช่องรวย ด้วย Lazada” เป็นต้น ทั้งนี้ จากเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น ยังสามารถเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวในชุมชนเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วน โดยผลิตภัณฑ์จากมะไฟจีนของวิสาหกิจชุมชนขวัญธารา และผลิตภัณฑ์จากเมี่ยงของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มชาเมี่ยง เป็นตัวอย่างผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นได้เป็นอย่างดี” นายณัฐพลกล่าว
ด้าน นางธารารัตน์ ศรีจันทร์ดี ผู้นำวิสาหกิจชุมชนขวัญธารา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของเครื่องสำอางสมุนไพร "ขวัญธารา" เกิดจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ด้วยการนำเสนอผลไม้ท้องถิ่นของดีคู่ จ.น่าน คือ "มะไฟจีน" จากเดิมที่นำมาแปรรูปเป็นผลไม้เชื่อมแห้ง แยม และน้ำผลไม้ นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบใหม่ๆ ด้วยการนำเอานวัตกรรมเชิงพาณิชย์เข้ามาเสริมสร้างต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เซรัม แชมพู สบู่เหลว โฟมมูส แฮนด์ครีม และบอดี้โลชั่น โดยมีจุดเด่นที่นำเอาสารสกัดมะไฟจีนมาเป็นวัตถุดิบรายแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากภูมิปัญญา ทำให้ผลิตภัณฑ์ของขวัญธาราได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้าโทอปที่มีชื่อเสียง และได้รับการวางขายในเว็บไซต์ Thaimall.com และบนแค็ตตาล็อกของสายการบินไทย ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 60
“เราเริ่มจากการไม่รู้อะไรเลย เป็นเหมือนผ้าขาว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมือนศิลปินที่มาแต้มสี เติมเต็มให้ผ้าขาวมีสีสันเป็นรูปเป็นร่าง จนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ และในอนาคตเรามีแนวทางในการสร้างห้องเรียนเวิร์กชอปด้านสมุนไพร เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้การผลิตแชมพู สบู่เหลว บอดี้โลชั่น ฯลฯ ให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวที่จังหวัดน่านได้มาเรียนรู้และสามารถนำไปผลิตใช้ในครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ตลอดจนเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและนำไปต่อยอดสมุนไพรในท้องถิ่นของตนเอง อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป” นางธารารัตน์กล่าว
นอกจากมะไฟจีน ผลไม้ท้องถิ่นของดีเมืองน่านที่สามารถนำมาต่อยอดแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมากมายแล้ว เมี่ยง ก็ถือเป็นพืชท้องถิ่นในภาคเหนือ ที่สามารถนำมาต่อยอดสร้างรายได้อย่างมหาศาลเช่นกัน โดย นางบุญตุ้ม ปานทอง ผู้นำวิสาหกิจชุมชนชาเมี่ยง กล่าวว่า ในอดีตชาวบ้านนิยมนำยอดและใบเมี่ยงมาหมักดองเพื่อใช้เป็นของว่างรับแขกและเป็นยาสมุนไพร แต่เนื่องจากผลตอบแทนน้อยและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาเป็นชาเมี่ยง โดยเริ่มจากการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมด้านการจัดทำต้นแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และฉลาก ของ กสอ. โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 (ศภ.1 กสอ.) เมื่อปี พ.ศ. 2561 เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ชาเมี่ยง อินฟินิตี้ที จากนั้นในปี พ.ศ. 2562 ได้เข้าร่วมโครงการต่างๆ กับ ศภ.1 กสอ.อีก โดยได้รับการพัฒนาทางด้านวิชาการผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อยอดแนวคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมบำรุงมือและเท้า แชมพูลดผมร่วง ชะลอผมหงอก เซรัมบำรุงผมและหนังศีรษะ
“การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ทำให้ยอดขายโตแบบก้าวกระโดด จากปีแรกที่มียอดขายเพียง 36,000 บาท เป็น 800,000 บาทในปีที่ 2 สร้างความภาคภูมิใจในการทำงานและการเป็นผู้ประกอบการอย่างมาก ขณะที่ในปี พ.ศ. 2563 นี้ ชาเมี่ยงอินฟินิตี้จะยังไม่หยุดนิ่ง ยังคงเดินหน้าต่อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่อยอด แตกไลน์สินค้าในรูปแบบอื่นๆ โดยมีแผนจะนำใบชาไปสกัดและวิเคราะห์หาสารสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและดูแลสุขภาพเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รายการ คือ น้ำยาบ้วนปาก และลูกอมระงับกลิ่นปาก โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาได้ล้วนได้รับการอบรมให้ความรู้จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้น” นางบุญตุ้มกล่าวทิ้งท้าย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *