xs
xsm
sm
md
lg

กสอ.จับมือญี่ปุ่นติดจรวด 3 ลูก พร้อมเปิดศูนย์ ITC รองรับ SME 4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเผยความคืบหน้าการพัฒนา SME ตามนโยบาย 4.0 โดยนำเครื่องมือภายใต้แนวคิด 4 Tool พร้อมจับมือ ญี่ปุ่น ติดจรวด 3 ลูกผ่าน
นำร่องกิจกรรม "3-Stage Rocket Approach" และเตรียมเปิดศูนย์ ITC ภายใต้โครงการ T-GoodTech เพื่อเชื่อมไปยัง J-GoodTech ของญี่ปุ่น ตั้งเป้าปีนี้เอสเอ็มอีร่วมโครงการ 2,600 ราย ขณะที่เว็บไซต์และฐานข้อมูลพร้อมให้บริการสิงหาคมนี้
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผย
ว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เตรียมแผนพัฒนา SMEs ตามนโยบาย SME 4.0 โดยนำเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาภายใต้แนวคิด 4 Tool กับ 1 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1. IT การให้บริการด้านการพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศ 2. Automation การพัฒนาระบบการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต 3. Robot ลดการใช้แรงงานในกระบวนการผลิต และ 4. Innovation การพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และอีก 1 กลยุทธ์ คือ มุ่งพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม หรือ Cluster ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการต่อยอด SMEs ไทยให้เข้มแข็ง


กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้สร้างความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น ภายใต้โครงการ Connected Industries นำร่องกิจกรรม "3-Stage Rocket Approach" หรือ "จรวด 3 ขั้นผลักดัน SMEs 4.0" ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. Visualize Machine คือ การรวบรวมข้อมูลจากเครื่องจักรให้เป็นดิจิทัลและนำมาใช้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต 2. Visualize Craftsmanship คือ การเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของแรงงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อวิเคราะห์การทำงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้ง 2 ขั้นตอนดังกล่าว กสอ.มีแผนดำเนินการในเดือนกรกฎาคมนี้ ด้วยงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท เพื่อตรวจเช็กประสิทธิภาพระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิตให้กับเอสเอ็มอีอีกกว่า 500 กิจกรรมทั่วประเทศ


ส่วนขั้นตอนที่ 3 Lean Automation System Integrator : หรือ LASI Project คือ การพัฒนาโครงการสาธิตการผลิตแบบลีนออโตเมชัน ที่ได้ดำเนินงานเพื่อใช้เสริมด้านการเรียนรู้และกระตุ้น Demand ความต้องการซื้อ และอุปทาน Supply ความต้องการขายในอุตสาหกรรม S-Curve ที่เป็นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยศูนย์ LASI นับเป็นหนึ่งในบริการภายใต้ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ITC ที่กระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ กสอ.ดำเนินการเพื่อยกระดับให้เอสเอ็มอีก้าวเข้าสู่ SMEs 4.0 โดยเร็ว

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตฯ กล่าวต่อว่า กสอ.จัดตั้งอาคารต้นคูน โดยร่วมกับ ปตท. เพื่อยกระดับให้เอสเอ็มอีก้าวสู่ SMEs 4.0
ภายในศูนย์ ITC สำหรับให้บริการปรึกษาแนะนำด้านอุตสาหกรรมพลาสติกและพลาสติกชีวภาพ ผ่านระบบ VDO Conference กับผู้เชี่ยวชาญของทางสำนักงานใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ได้มีการขยายการบริการศูนย์ ITC ไปยังศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาครวม 5 ศูนย์ ซึ่งได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุบลราชธานี สงขลา และศูนย์เซรามิกลำปาง

สำหรับผลการให้บริการนับตั้งแต่เปิดโครงการฯ มาจนถึงปัจจุบ้น ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคได้ให้บริการด้านการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 271 ราย บริการออกแบบผลิตภัณฑ์ 228 ราย แปรรูปการเกษตร / อาหาร 138 ราย ด้านบรรจุภัณฑ์ 61 ราย การให้บริการเครื่องจักรกลาง 59 ราย และให้บริการศึกษาดูงานและฝึกอบรม / สัมมนา รวม 4,888 ราย รวมถึงให้บริการทุกประเภทจำนวน 5,645 ราย ทั้งนี้ กสอ.ยังมีแผนเร่งดำเนินการเปิดศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมเพิ่มเติมอีก 7 แห่ง ได้แก่ พิจิตร อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา สุพรรณบุรี ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการครบทุกแห่งภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ในส่วนของการยกระดับเอสเอ็มอีสู่สากล กสอ.ยังได้ดำเนินโครงการ Digital Value Chain โดยมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกและส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีผ่านเว็บไซต์และระบบฐานข้อมูลจับคู่ธุรกิจออนไลน์ที่เป็นช่องทางการจับคู่ระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเองและเชื่อมโยงกับฐานข้อมูล T-GoodTech ของไทยระดับระบบฐานข้อมูล J-GoodTech ของญี่ปุ่นที่มีฐานข้อมูลของผู้ประกอบการจาก 11 ประเทศ กว่า 17,000 ราย (ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ 1,365 ราย) ซึ่งจะทำให้เกิดการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการทั่วโลกได้

ทางด้านการดำเนินโครงการ Digital Value Chain มีเป้าหมายโครงการให้ SMEs อยู่บนระบบฐานข้อมูล J-GoodTech และ T-GoodTech รวมจำนวน 2,600 รายภายในปี 2561 ซึ่งในขณะนี้มี SMEs สมัครภายใต้ T-GoodTech ภายใต้เว็บไซต์ http://www.tgoodtech.com แล้วกว่า 1,100 ราย โดยคาดหวังจะเกิดการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยกว่า 80 ราย และเตรียมขยายเพื่อเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยกับญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆ เช่น ฮ่องกง ประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการของ SMEs ไทยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตานานาประเทศ พร้อมทั้งทำให้สินค้าและบริการของไทยขยายตลาดไปสู่ระดับสากลได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน กสอ.ก็ได้กำหนดจัดกิจกรรมเจรจากับคู่ธุรกิจและแสดงสินค้าในปลายเดือนกรกฎาคม 2561 เพื่อส่งเสริมการเจรจากับคู่ธุรกิจระหว่างกันให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ลงทะเบียนในเว็บไซต์ T-GoodTech ระหว่างผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร กับสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร เช่น สมาคมภัตตาคาร สมาคมการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม โดยคาดหวังให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยด้วยกันเองจำนวนไม่น้อยกว่า 50 ราย

สำหรับการพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมทั้ง Cluster และ Super Cluster กสอ.มีบทบาทในการพัฒนาคลัสเตอร์มาตั้งแต่ปี 2549 ปัจจุบันได้รับการพัฒนาจนเข้มแข็งแล้ว จำนวน 86 กลุ่ม จนเกิดเป็นความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นขึ้นภายในกลุ่ม สามารถเชื่อมโยงและร่วมพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ที่ผ่านมากลุ่ม Cluster และ Super Cluster ที่ กสอ.เข้าไปส่งเสริมและพัฒนาสามารถสร้างต้นทุนได้กว่า 800 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2561 กสอ.ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม 14 กลุ่ม ต่อ 280 กิจการ ครอบคลุมสาขาต่างๆ เช่น เกษตรแปรรูป เครื่องสำอาง ข้าวอินทรีย์ ผ้าทอ ของฝากของที่ระลึก เป็นต้น ส่วนการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตั้งเป้าพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม 8 กลุ่มต่อ 160 กิจการ ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อาหารแห่งอนาคต ดิจิทัล และเครื่องมือแพทย์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 การส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีของ กสอ.จะเน้นไปที่ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด โดยการแบ่งประเภทของอุตสาหกรรมและจัดกลุ่มเพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือทั้งในด้านการพัฒนาองค์ความรู้ วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ช่องทางการตลาด ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน โดยพิจารณาถึงความคุ้มค่าและผลตอบรับที่ผู้ประกอบการจะได้รับ รวมทั้งจะมีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นองค์ความรู้จากต้นแบบธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นๆ ได้นำไปเป็นกรณีศึกษาพร้อมนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตนเองในอนาคต
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *



กำลังโหลดความคิดเห็น