ร้านคาเฟ่ขนมไทยโบราณ ที่ปรับเข้ากับยุคสมัยใหม่ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของรสชาติที่เข้าถึงได้ง่าย และยังตอบโจทย์ต่อไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนยุคนี้ในเรื่องของหน้าตาขนม และสำหรับใครที่ต้องการรู้ว่าขนมไทยในแบบที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก จะอร่อยอย่างไรหรือต้องการเรียนรู้สูตรการทำขนมต้องลองไปที่ร้าน “เสน่ห์” แล้วจะได้เสน่ห์ปลายจวักกลับไปอย่างแน่นอน
กฤษดา อินทระ หรือ กอล์ฟ หนึ่งในเจ้าของร้าน เสน่ห์ คาเฟ่ แอนด์ เวิร์คช็อป เล่าว่า ตนและเพื่อนหุ้นส่วนเคยทำงานเกี่ยวกับด้านอาหารและขนมมาก่อน และอีกหนึ่งคนมีความถนัดในด้านคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 ปรึกษากันและคิดว่าต้องการมีธุรกิจสักอย่างที่เปิดอยู่บริเวณถนนข้าวสาร และสำรวจโดยรอบบริเวณว่ายังมีธุรกิจเกี่ยวกับอะไรที่พื้นที่นี้ยังไม่มีและยังขาดอยู่ จึงเริ่มจากความถนัดทางด้านอาหารและขนม แต่โดยรอบบริเวณนี้สามารถพบร้านอาหารไทยและเวิร์คช็อปอาหารไทยอยู่บ้างแล้ว แต่ร้านขนมไทยและเวิร์คช็อปขนมไทยยังไม่มี จึงได้ลงเอยที่จะเปิดร้าน “เสน่ห์” ขนมไทยพร้อมกับเวิร์คช็อปควบคู่ไปด้วยกัน
ทั้งนี้หลังจากที่ตัดสินใจกันได้แล้ว จึงเริ่มลงมือศึกษาและค้นคว้า ว่าขนมไทยมีความน่าสนใจที่จะมาเปิดเป็นคาเฟ่และเวิร์คช็อปไปด้วยกัน หลังจากที่เริ่มศึกษาขนมไทยแล้วยังได้สอบถามคนทั่วไปอีกด้วยว่า ขนมไทย ที่หลายๆ คนรู้จักและนึกถึงมักจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น สำหรับรสชาติของขนมมักจะมีรสชาติหวานนำเพียงอย่างเดียว ทำให้กลับมานึกคิดได้ว่าทำไมขนมไทยทำไมจึงมีเพียงเท่านี้ และรสชาติหวานแบบนี้
จึงทำให้ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมว่า นอกจากขนมไทยเหล่านี้แล้ว อย่างอื่นยังมีอะไรอยู่บ้าง พบว่ายังมีขนมไทยอีกเป็นจำนวนมากที่เกือบจะหายไป ใครหลายคนก็เคยได้กินเมื่อนานมาแล้วในวัยเด็กแต่ปัจจุบันก็เริ่มหายากมากขึ้น แต่วัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆ ยังเป็นส่วนที่สามารถหาได้ในพื้นที่ประเทศไทยซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ดี จึงมองต่อไปว่าขนมที่เกือบจะหายไปเหล่านี้น่าจะสามารถสร้างกระแส ทำให้ขนมเหล่านี้กลับมาเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมขึ้นมาอีกครั้งได้
สำหรับสูตรขนมไทยในร้านเป็นสูตรที่ได้มาจากการเรียนในศูนย์ฝึกอาชีพซึ่งจะเป็นขนมสูตรพื้นฐาน ส่วนขนมสูตรที่เก่าแก่มากๆ จะต้องไปเปิดหนังสือเก่าเพื่อค้นหาสูตรดู แต่ก็บอกเพียงส่วนผสมต่างๆ ไม่ได้บอกเป็นอัตราส่วนเช่นหนังสือทำอาหารอย่างทุกวันนี้ จึงต้องลงมือและทดลองทำเอง รสชาติขนมของทางร้านจึงเป็นรสชาติที่กินแล้วรู้สึกว่าอร่อยและไม่ได้มีรสชาติหวานจนเกินไปจึงจะเหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่า
กลุ่มลูกค้าในช่วงแรกเลือกเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว เนื่องจากบริเวณร้านจะมีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับกลายเป็นว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนไว้ว่าน่าจะได้รับความสนใจ ก็ยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าเนื่องจากขนมไทยบางอย่างก็ไม่ถูกใจ และยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากนัก ส่วนในกลุ่มของคนไทยก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่หลังจากที่มีลูกค้าบางกลุ่มเริ่มเข้ามารีวิว ก็เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น บวกกับกระแสที่ได้รับจากภาพยนตร์ ละครต่างๆ ก็ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ด้านตลาดของร้านขนมไทย ในตอนนี้ถือว่ายังมีอยู่น้อยมาก ที่ร้านขนมไทยจะเป็นทั้งคาเฟ่และเวิร์คช็อป รวมในร้านเดียวกัน คู่แข่งในตลาดธุรกิจจึงถือว่ามีน้อยมากๆ จนเมื่อร้าน “สเน่ห์” กำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 3 ทำให้มีร้านอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกันมีเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่ทางร้านต่างจากร้านอื่นๆ ก็คือรสชาติ ทั้งการปรับปรุงสูตร รูปร่างและหน้าตาขนมให้มีความสวยงาม และยังเป็นโฮมเมดอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วทางร้านยังเปิดเวิร์คช็อปให้กับผู้ที่สนใจทำขนมไทย เข้าร่วมเรียนด้วยกัน ไม่ว่าจะเรียนไปเพื่อทำกินเองที่บ้าน สร้างอาชีพ หรือชาวต่างชาติที่ต้องการเรียนรู้วัฒนธรรมของคนไทยก็เข้าร่วมเวิร์คช็อปด้วยเช่นกัน และทางร้านต้องการให้ขนมไทยเป็นที่รู้จักในทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ในอนาคตร้าน “เสน่ห์” จะพยายามทำขนมที่ทำให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ในตอนที่รสชาติของขนมนั้นๆ ดีที่สุดในตัวของมันเอง เช่นขนมต้ม ตอนที่อร่อยที่สุดของขนมต้มคือตอนที่ต้มออกมาใหม่ๆ จึงพยายามจะทำให้ขนมของทางร้านมีรสชาติที่ดีที่สุด ในส่วนของเวิร์คช็อปก็พยายามจะปรับเวลาให้เหมาะกับผู้ที่สนใจ และสะดวกมากที่สุด
สนใจติดต่อ เฟซบุ๊ก : Sane.workshop หรือโทร 06-3541-4964
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *