1.ไผ่กวนอิม ต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล จึงนิยมนำมาตกแต่งและเสริมฮวงจุ้ยทั้งในบ้านและที่ทำงาน โดยในทาง ฮวงจุ้ย นั้น ไผ่กวนอิมช่วยดึงดูดความสงบและความเฉลียวฉลาดมาสู่ผู้ที่อยู่อาศัย และช่วยเปิดจิตวิญญาณภายในให้มีความยืดหยุ่นเป็นอิสระ ทำให้พลังชี่สามารถไหลผ่านเข้าไปบำรุงรักษาในร่างกายได้ง่าย จำนวนไผ่ที่นิยมปลูก 2 ต้น ส่งเสริมเรื่องความรักและชีวิตคู่ 3 ต้น ความสุข 5 ต้น สุขภาพ 8 ต้น เงินทองและความมั่งคั่ง 9 ต้น โชคลาภ ตำแหน่งเหมาะสมที่จัดวาง เรื่องของการเงินและความมั่งคั่งจะอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเรื่องของสุขภาพกับครอบครัวจะอยู่ที่ทิศตะวันออก
2. สิงห์คู่ ในศาสตร์ของ ฮวงจุ้ย สัตว์ที่นิยมนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งการปกปักษ์รักษาสถานที่รวมไปถึงกำจัดสิ่งชั่วร้าย คือ สิงห์โต ดังนั้น ตามอาคาร สำนักงาน วัดจีน วัดไทย(บางแห่ง) จะมีสิงห์โตยืนซ้ายขวาหน้าประตูทางเข้า ลักษณะของสิงห์คู่ใช้ในฮวงจุ้ย สิงห์คู่ ใช้เสริมฮวงจุ้ยทำมาจาก แกะสลักหินอ่อนหรือที่หล่อขึ้นมาจากทองเหลือง หรือ ในสมัยโบราณหล่อจากเหล็ก ด้วยสิงห์คู่มีราคาสูงจึงมักจะพบอยู่ตามบ้านเศรษฐี หรือ คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูง ทำให้รูปปั้นสิงห์คู่กลายเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงฐานะทางการเงินของบ้านหลังนั้นไป แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป มีหล่อจากเรซิน หรือวัสดุที่ราคาไม่แพง ทำให้พบเห็นสิงห์คู่ มีอยู่ทั่วไป
ทั้งนี้ การนำสิงห์เสริมฮวงจุ้ย ต้องนำมาตั้งเป็นคู่เท่านั้น เพราะสัญลักษณ์ที่สื่อถึง หยิน (ตัวเมีย) กับ หยาง (ตัวผู้) โดยสิงโตตัวผู้นั้น เท้าหน้าข้างขวาจะเหยียบลูกบอลผ้าเอาไว้ ส่วนตัวเมียจะมีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันตรงที่เท้าซ้ายข้างหน้าจะตะปบลูกสิงโตเอาไว้ ซึ่งสิงโตตัวเมียทำหน้าที่ปกป้องคนภายในบ้าน ส่วนสิงโตตัวผู้ทำหน้าที่ปกป้องตัวอาคารครับ ส่วนตำแหน่งการวางสิงห์คู่ จะวางไว้ที่ข้างนอกบริเวณหน้าประตูและหันหน้าออกจากตัวอาคารราวกับเฝ้าสถานที่แห่งนั้นเอาไว้ โดยที่สิงโตตัวผู้จะอยู่ทางด้านขวา(เมื่อมองมุมหันหน้าออกจากอาคาร) ส่วนตัวเมียจะอยู่ทางด้านซ้าย
3. ปี่เซียะ เป็นวัตถุมงคลยอดนิยม ที่มีการนำมาบูชา เพื่อให้ช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย เรียกทรัพย์สินเงินทองให้ไหลมาเทมา และกักเก็บทรัพย์นั้นไม่ให้รั่วไหลออกไปไหนได้ ชาวจีนโบราณเชื่อกันว่า ปี่เซียะเป็นสัตว์ประหลาดที่รวมลักษณะของสัตว์มงคลทั้ง 5 ชนิดไว้ด้วยกัน ได้แก่ มังกร พญาราชสีห์หรือสิงโต อินทรี กวาง และแมว โดยตามตำนานเล่าว่า ปี่เซียะเป็นลูกมังกรตัวที่ 9 (เทพแห่งโชคลาภ) ของพญามังกรสวรรค์ มีชื่อเรียกด้วยกันหลายชื่อไม่ว่าจะเป็น “เทียนลก (กวางสวรรค์)” เป็นชื่อเดิม ส่วนจีนกวางตุ้งจะเรียกว่า “เผ่เย้า” และคนจีนแต้จิ๋วจะเรียกว่า “ผีซิว”
การจัดวางตำแหน่งของปี่เซียะ เป็นเรื่องสำคัญ ควรวางปี่เซียะไว้ให้เห็นเด่นชัด ไม่ตั้งอยู่ในที่อับหรือที่ต่ำ อย่างห้องเก็บของ ห้องน้ำ และไม่วางไว้ใกล้วัตถุมงคลชนิดอื่น ๆ เป็นต้น ทิศที่เหมาะสมที่จะวางปี่เซียะก็คือ ทิศตะวันออก หากจะนำมาวางไว้ในบ้านควรจะวางปี่เซียะให้เป็นคู่ตัวผู้–ตัวเมีย โดยหันหน้าออกไปทางประตูหน้าบ้านหรือหน้าร้าน วางให้ก้นชนกัน ซึ่งปี่เซียะตัวเมียจะก้าวเท้าขวาก็ให้วางทางด้านขวา และปี่เซียตัวผู้จะก้าวเท้าซ้ายก็ให้วางทางด้านซ้าย แต่ถ้าอยากเสริมในเรื่องของการป้องกันและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและเรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมาแบบไม่มีรั่วไหล แนะนำให้วางไว้บนโต๊ะทำงาน โต๊ะเก็บเงิน ตู้เซฟ ห้องรับแขก หรือตำแหน่งสำคัญ ๆ ในบ้าน ถ้าอยากให้ปี่เซียะช่วยปกป้องคุ้มครองเวลาเดินทางออกไปไหนมาไหนบ่อย ๆ ควรจะวางปี่เซียะให้หันหน้าออกไปทางประตูหลักของบ้านหรือวางไว้ในรถ ก็จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายต่าง ๆ ได้ หากนำไปปี่เซียะไปวางโต๊ะทำงานในบ้าน ควรวางให้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก็จะช่วยเพิ่มพูลอำนาจบารมี การบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ง่ายดาย และลงตัว นอกจากนี้ยังนำพาโชคลาภมาให้และยังช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้อีกด้วย
ก่อนจะนำปี่เซียะเข้าบ้าน ให้จุดธูปเทียน บอกกล่าวสิ่งศักสิทธิ์ในบ้าน อย่าง พระ เทพเจ้า และเจ้าที่ให้เรียบร้อยซะก่อน โดยกล่าวว่า จะขอนำปี่เซียะเข้ามาในบ้านเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป นำโชคลาภและเงินทองให้เข้ามาให้กับเรา จากนั้นก็ทำการเปิดตาปี่เซียะ ด้วยการนำไปแช่ในน้ำเย็นและน้ำร้อนในปริมาณที่เท่ากัน เพื่อปรับให้หยิน–หยางอยู่ในภาวะสมดุล แช่ไว้ 2 วัน ที่สำคัญระหว่างนี้จะต้องหมั่นมองหน้าปี่เซี่ยะเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงตนว่าเราเป็นเจ้าของ เมื่อครบกำหนดแล้วให้นำขึ้นจากน้ำแล้วใช้ผ้าขนหนูสีขาว ผืนสะอาด ๆ หรือผืนใหม่มาซับน้ำ พร้อมกับบอกกล่าวในทำนองที่ว่า เราเป็นเจ้าของแล้ว ช่วยเรียกทรัพย์สินเงินทองให้เราด้วย และอย่าลืมลูบหัว ลูบหลังบ่อย ๆ เพื่อให้ช่วยในเรื่องของสติปัญญาและกวักทรัพย์ให้เข้ามาหาให้มากขึ้น
ขั้นตอนการบูชาปี่เซียะก็ไม่ยากเพียงแค่จัดหาภาชนะใส่น้ำมาวางไว้ใกล้ ๆ และหมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน นอกจากนี้ควรถวายของบูชา อย่าง ขนมจันอับหรือโหงวเส็กทึ้งแต่เหลียง (ขนม 5 สี แทนเบญจธาตุ) และผลไม้มงคล อย่างเช่น ส้ม กล้วย ลูกท้อ ทับทิม องุ่น และสัปปะรด
และก่อนจะท่องคาถาบูชาปี่เซียะที่หมายถึงคุณลักษณะเศรษฐีนั้น ให้ท่องนะโม 3 จบ แล้วค่อยสวดคาถาที่ว่า “อุ อา กะ สะ หรือ อุ อา กะ สะ ปี่เซียะ อานุภาโว เมตตาจิต ประสิทธิเม” ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการบูชาปี่เซียะ
สำหรับการบูชาปี่เซียะแบบพกพา สามารถทำได้ 2 วิธีคือ วางไว้ในรถ 1 ตัว สำหรับคนที่เดินทางไปไหนมาไหนบ่อย ๆ หรือจะห้อยไว้ที่คอ โดยมีข้อแม้ว่าสร้อยปี่เซียะต้องเป็นสร้อยคนละเส้นกับสร้อยพระและห้อยให้อยู่ต่ำกว่าสร้อยพระ ที่สำคัญปี่เซียะต้องสัมผัสกับร่างกายของเจ้าของอยู่ตลอดเวลา วิธีขอพรปี่เซียะให้สิ่งที่กำลังจะทำหรือทำอยู่ประสบความสำเร็จ ให้ยกมือไหว้และอธิษฐานขอพร ตามด้วยประโยคที่ว่า “ลูกขออัญเชิญปี่เซียะมาช่วย ลูกจะไป…(สิ่งที่จะไปทำ)…”
ข้อควรระวังในการบูชา
1.ห้ามลูบปากปี่เซียะ เพราะจะทำให้ทรัพย์รั่วไหล
2. ห้ามยกปี่เซียะให้ผู้อื่นไปบูชา หากเราบูชาแล้ว เพราะเป็นวัตถุมงคลเฉพาะบุคคล
3. ห้ามให้ผู้อื่นมาลูบปี่เซียะของเราเด็ดขาด
4. ห้ามพกปี่เซียะไปงานอวมงคล
4. “ม้า” เป็นสัตว์ท่าทางอันสง่างาม มีเอกลักษณ์ของตัวเองในทางฮวงจุ้ย ม้าถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ, ความมีชื่อเสียง, อิสรภาพ และความรวดเร็วว่องไว ฮวงจุ้ย ของม้าช่วงส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถนำรูปสัญลักษณ์ม้าวางไว้ตรงไหนก็ได้ตามต้องการ ตำแหน่งเสริมฮวงจุ้ย ภาพม้า คือ ทิศใต้ของที่ทำงาน ทิศที่ดีที่สุดสำหรับการนำรูปสัญลักษณ์ของม้ามาใช้ เพราะทิศใต้มีลักษณะของธาตุไฟ ซึ่งม้าส่งเสริมได้ดีที่สุด รองลงมาคือ ทิศเหนือสำหรับคนที่เกิดปีนักษัตรจีนมะเมีย เราสามารถนำรูปสัญลักษณ์ไปตั้งไว้ที่ทิศนำโชคประจำตัว
5.Citrine อัญมณีคล้ายกับ Amethyst ในด้านความเชื่อ ผู้คนเชื่อกันว่า Citrine มีพลังงานของแสงอาทิตย์สะสมอยู่ภายใน ทำให้แร่ตัวนี้มีผู้คนนิยมนำไปใช้ในการรักษาและกระตุ้นพลังจักระมณีปุระในร่างกาย ซึ่งจุดจักระนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ทางด้านจิตใจ…อัญมณีตัวนี้จะช่วยเหลือในด้านการสร้างความมั่นใจ, การสร้างพลังด้านบวก และช่วยกระตุ้นพลังงานภายในและภายนอกร่างกายให้หมุนเวียนได้ดีขึ้น ส่วนทางด้านกายภาพ มีความเชื่อกันว่า ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นและช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง
6.หยก ในทางศาสตร์ของฮวงจุ้ยเองก็นิยมใช้หยกมาเป็นเครื่องมือในการสร้างและรักษาพลังงานชี่ เนื่องด้วยคุณสมบัติในด้านการสร้างความสมดุลและความสงบเยือกเย็น อีกทั้งยังนิยมนำมาใช้ป็นเครื่องรางในการปกป้องอันตรายและการนำโชคอีกด้วย เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติที่หลากหลายมาก จะพกติดตัวก็ได้ หรือจะใช้ประดับบ้านเสริมฮวงจุ้ยก็ดี แต่ด้วยความที่หยกในธรรมชาตินั้นมีหลากสีมากมาย ทั้งสีเขียว, สีม่วง, สีแดง, สีเหลือง, สีขาว และสีดำ ดังนั้น ถ้าหากเราเข้าใจถึงความหมายของแต่ละสีในฮวงจุ้ยแล้ว การเลือกหยกนำมาใช้ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตำแหน่งที่เหมาะในการใช้หยกเป็นตัวเสริมนั้น สามารถใช้ได้ทุกทิศเว้นแต่ ทิศเหนือ (ธาตุน้ำ) กับ ทิศใต้ (ธาตุไฟ) ที่ต้องใช้หยกในการเสริมฮวงจุ้ยอย่างระมัดระวัง
7. โมบายกระดิ่งลม ในการจัดฮวงจุ้ย ด้วยความที่มีขนาดเล็ก สวยงาม และมีเสียงไพเราะยามต้องลม ทำให้หลายคนเลือกที่จะนำสิ่งนี้มาตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีประโยชน์ในเรื่องขจัดพลังงานลบที่พุ่งเข้ามายังบ้านได้อีกด้วย แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ก็มีโมบายกระดิ่งลมหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้งที่ทำจากโลหะ แก้ว ไม้ ดินเผา หรือจากวัสดุธรรมชาติอย่าง เปลือกหอย เป็นต้น
เคล็ดง่ายๆในการเลือกโมบายกระดิ่งลมเสริมฮวงจุ้ย 1. วัสดุ ด้วยความที่ทิศทางแต่ละทิศนั้นมีธาตุประจำไม่เหมือนกัน ดังนั้น สิ่งแรกที่จะดูก่อนก็คือวัสดุที่ใช้ทำโมบายกระดิ่งลม ซึ่งวัสดุของโมบายนั้นจะต้องไม่เป็นธาตุที่พิฆาตกับธาตุประจำทิศนั้น ยกตัวอย่างเช่น โมบายกระดิ่งลมที่ทำจากโลหะสามารถนำมาติดไว้ที่ทิศตะวันตก, ตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ ทิศที่ไม่เหมาะสำหรับโมบายโลหะคือทิศตะวันออก(ธาตุไม้) ส่วนโมบายที่ทำจากไม้หรือไม้ไผ่เหมาะสำหรับทิศตะวันออก, ตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้ ทิศที่ไม่เหมาะสำหรับโมบายไม้คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ธาตุดิน)
2. สัญลักษณ์ โมบายกระดิ่งลมในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่เป็นทรงหลอดยาวๆธรรมดาเพียงอย่างเดียว แต่มีการปรับเปลี่ยน ใส่รูปต่างๆเข้าไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์ในเทพนิยาย รูปอื่นๆ หรือเป็นตัวหนังสือก็มี ซึ่งการเลือกสัญลักษณ์ก็จะดูที่ทิศอีกเช่นกัน เพราะแต่ละทิศนั้นก็เสริมในเรื่องต่างกันไป อย่างเช่น ถ้าเรามีโมบายรูปหัวใจที่ทำจากดินเผา ก็เหมาะที่จะนำไปติดไว้ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ส่งเสริมเรื่องความรักและชีวิตคู่ หรือโมบายที่เป็นรูปพระพุทธรูป ก็เหมาะสำหรับทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่ส่งเสริมเรื่องการเติบโตทางจิตวิญญาณ สมาธิ เป็นต้น
3. จำนวนกระดิ่ง โดยจำนวนกระดิ่งที่นิยมกันมากที่สุดคือ 6 อันกับ 8 อัน ซึ่งเหมาะกับการส่งเสริมฮวงจุ้ยมากที่สุด ส่วนกระดิ่ง 5 อันนั้นเหมาะสำหรับการต้านพลังงานลบหรือสิ่งชั่วร้ายที่พุ่งเข้ามา
8. คางคก 3 ขา มีชื่อในภาษาจีนว่า จินฉ๋าน แปลเป็นไทยได้ว่า คางคกทองคำ แต่ตามจริงแล้ว คางคกนี้มีชื่อเรียกอีกมากมายเช่น คางคก 3 ขา, คางคกคาบเหรียญ, คางคกเรียกทรัพย์ เป็นต้น มีลักษณะภายนอกคือ ดวงตาสีแดง มีขาทั้งหมด 3 ขาคือด้านซ้ายกับขวาอย่างละข้างและด้านหลังอีก 1 ข้าง ปากคาบเหรียญ บางครั้งอาจจะยืนบนกองเงินทอง หรือบนหลังเต่า หลังมังกรก็ได้ ตามตำนานความเชื่อกล่าวไว้ว่า ในช่วงพระจันทร์เต็มดวง เจ้าคางคก 3 ขานี้จะปรากฏตัวหรือไปโผล่แถวบ้านหรือแถวที่ทำงานที่กำลังจะได้รับข่าวดี
วิธีการตั้งบูชาคางคก 3 ขา ส่วนใหญ่จะนิยมตั้งตรงจุดที่มีเงินหมุนเวียนตลอด อย่างเช่น ลิ้นชักเก็บเงิน หรือโต๊ะทำงานในบ้าน โดยหัวนั้นจะตั้งหันเข้ามาหาตัวเรา เหมือนกับว่าให้คางคกนั้นคอยเรียกเงินทองให้เราตลอดเวลา
ที่มา: www.dotproperty.co.th