บอร์ด สสว.พิจารณาเห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้แก่เอสเอ็มอีในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน วงเงิน 500 ล้านบาท
รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า สสว.ได้จัดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานแทนนายกรัฐมนตรี สาระสำคัญของการประชุม โดยมติในที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้แก่เอสเอ็มอีในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนงบประมาณ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ผันผวนไปถึง 7-8% นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ทำให้ผู้ส่งออกโดยเฉพาะเอสเอ็มอีกลุ่มส่งออกกว่า 20,000 รายได้รับผลกระทบ โดยเอสเอ็มอีเองก็ไม่มีความรู้และความสามารถในการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น นายสมคิด รองนายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สมาคมธนาคารไทย และ สสว.หารือกันและเห็นว่า ปัจจุบันเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนและแข็งค่ามากขึ้นนับตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2560 ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของไทยลดลง
ในขณะที่เอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้เอสเอ็มอีจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ค่าเงินบาท และได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับเอสเอ็มอีในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและสนับสนุนการใช้เครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมี ธสน. และ สมาคมธนาคารเป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดอบรมเอสเอ็มอีที่ประกอบธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เน้นการให้ความรู้เรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ในระยะแรกจะมีการมอบคูปอง มูลค่า 3 หมื่นบาทต่อรายให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 5,000 รายที่เข้าอบรมและเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปซื้อ FX Options ขั้นพื้นฐานกับธนาคารที่เข้าร่วมดำเนินงานตามมาตรการฯ ภายในระยะเวลาที่กำหนด
สำหรับคูปองดังกล่าวไม่สามารถซื้อขาย เปลี่ยนมือ แลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้ และสามารถใช้สิทธิ์เมื่อใดก็ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด และใช้ได้จนกว่าจะครบวงเงิน หรือหมดอายุ (เบื้องต้นกำหนดอายุของคูปองไว้ที่ สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561) ซึ่งในระยะแรกจะเน้นเฉพาะเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกที่มียอดขายไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปี และเป็นสมาชิกของ สสว. โดยจะพิจารณาคัดเลือกเอสเอ็มอีที่มียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปีเป็นลำดับแรก และผู้เข้าอบรมจะต้องเป็นเจ้าของกิจการ หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจเท่านั้น เพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การผันผวนของค่าเงินบาท
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *