กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเผยอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปไทยยังคงมีการเติบโต แม้ในปีที่ผ่านมาเผชิญอุปสรรคเล็กน้อย ชี้การผลิตอาหารแปรรูปปี 59 รวมกว่า 29.8 ล้านตัน ชี้ผักผลไม้ ธัญพืชและแป้ง และผลิตภัณฑ์นมขยายตัวสูงสุด คาดปี 60 อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจะยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นจากทิศทางท่องเที่ยวที่เป็นบวก ปัญหาภัยแล้งที่น้อยลง
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภาคการผลิตของไทยที่มีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S - Curve ที่มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลและกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งมั่นผลักดันภาคดังกล่าวให้เป็น Food Hub หรือหุบเขาอาหารของโลก ในปีที่ผ่านมานั้นอุตสาหกรรมอาหารของไทยถือว่ายังคงมีศักยภาพในฐานะของประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออก โดยจากสถิติพบว่าปริมาณการผลิตโดยภาพรวมมีการหดตัวลงเล็กน้อย โดยมีผลผลิตรวมกว่า 29.8 ล้านตัน
ทั้งนี้ จากตัวเลขที่เกิดขึ้นและเมื่อเทียบกับประเทศอื่น นับว่าปริมาณการผลิตตามจำนวนดังกล่าวอยู่ในปริมาณที่มาก และเชื่อว่ายังเติบโตและพัฒนาได้อีก โดยเฉพาะการเพิ่มในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการผลิต การทำให้สินค้าน่าเชื่อถือด้วยนวัตกรรม การเชื่อมโยงงานวิจัยที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ต้องมีความทันสมัยเพื่อให้ก้าวต่อในระดับสากลได้มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปที่มีปริมาณการผลิตมากที่สุด 3 อันดับแรกพบว่าอยู่ในสินค้ากลุ่มน้ำตาลทราย อาหารสัตว์ และธัญพืชและแป้ง สินค้าที่มีปริมาณการจำหน่ายสูงสุดได้แก่ น้ำตาลทราย อาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์นม แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ผักผลไม้ ธัญพืชและแป้ง และผลิตภัณฑ์นมกลับพบว่ามีการขยายตัวในด้านปริมาณการจำหน่ายมากที่สุด โดยขยายตัวได้ 17.31%, 12.87% และ 4.57% ตามลำดับ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการของไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มกุ้ง ไก่ สับปะรดกระป๋อง รวมถึงผักผลไม้บางประเภทยังพบอีกด้วยว่ามีการจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศในปริมาณที่สูงขึ้น
ส่วนอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของไทยที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามองอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่มในกลุ่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1,153.40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดที่สำคัญคือ ตลาด CLMV เนื่องจากในกลุ่มประเทศนี้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคชั้นกลางที่ทำให้กลุ่มสินค้าต่างๆ มีอุปสงค์ที่สูงตามมา ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มอาหารแปรรูป และกลุ่มสินค้าด้านการเกษตร โดยในด้านการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ พบว่าผู้บริโภคมีความต้องการและชื่นชอบสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มสมุนไพร น้ำผลไม้ กาแฟ/ชาพร้อมดื่ม นมถั่วเหลือง และนมพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สินค้าจากไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับกลุ่มประเทศเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง
ดร.พสุกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มและทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในปี 2560 เชื่อว่าจะมีการขยายตัวที่ดีกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน เนื่องจากปัญหาภัยแล้งไม่ค่อยน่าเป็นห่วงหรือรุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา ผนวกกับสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ยังคงสดใสและเป็นปัจจัยให้เกิดการบริโภคสินค้าหลายประเภทในปริมาณที่มากขึ้น รวมทั้งตลาดผู้บริโภคในระดับต่างๆ ที่อัตรากำลังซื้อยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมาตรการและนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ การมุ่งสู่ความเป็นเมืองแห่งนวัตกรรมและครัวของโลก การนำเทคโนโลยีเข้าสู่กระบวนการต่างๆ อย่างครบวงจร รวมถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะร่วมสนับสนุนกันตั้งแต่ระดับต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ภาพลักษณ์และมาตรฐานของอาหารไทยก้าวสู่ประสิทธิภาพระดับที่ดีมากขึ้น ทั้งยังจะช่วยให้มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้มีการเติบโต โดยอาจสูงถึง 1 ล้านล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างสูงในปี 2560-2561 กสอ.คาดว่าจะอยู่ในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เนื่องจากรสชาติและเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นทุนเดิม รวมทั้งการตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ตามด้วยกลุ่มเครื่องดื่มโดยเฉพาะน้ำมะพร้าว เนื่องจากจุดเด่นในเรื่องของรสชาติ พร้อมด้วยการโฆษณาตามสื่อต่างๆ อีกทั้งความนิยมที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีการคาดการณ์ไว้ว่าในอีก 3 ปีการเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวจะเพิ่มสูงถึง 27% คิดเป็นมูลค่า 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดจนกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่ในปีที่ผ่านมาเติบโตถึงกว่า 9.5% มีมูลค่าตลาดกว่า 3.9 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้อาจจะขยับขึ้นเป็น 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ มันฝรั่งทอดกรอบ สาหร่ายทะเล ปลาเส้น สินค้าจากถั่วลิสง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปไทยจำเป็นต้องติดตาม และหมั่นเข้าถึงกระแสผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้กระบวนการผลิตสินค้าแต่ละประเภทเกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และการมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่ง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *