เพราะคาดเทรนด์โลกในอนาคตทุกคนจะหันให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ นำมาสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม แปรรูปผัก 12 ชนิด อัดเป็น “เม็ด” ภายใต้แบรนด์ “ไบโอเวกกี้” (Bioveggie) ที่มุ่งจับเทรนด์รักสุขภาพ อำนวยความสะดวกให้ทุกคนเข้าถึงคุณประโยชน์ทางโภชนาการจากพืชผักได้ง่ายและครบถ้วน
แนวคิดตั้งต้นของนวัตกรรมดังกล่าว “เกษคง และวิริยา พรทวีวัฒน์” ผู้บริหาร บริษัท เชียงใหม่ไบโอเวกกี้ จำกัด เผยว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วพืชผักทางภาคเหนือหลายชนิดล้นตลาด ราคาตกต่ำ ในฐานะนักธุรกิจท้องถิ่นอยากเข้ามารับซื้อเพื่อพยุงราคา โดยมีวิสัยทัศน์จะนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าในรูปแบบ “เม็ด” เพื่อให้การกินผักเป็นเรื่องง่ายใกล้ตัวสำหรับคนทุกเพศทุกวัย
“ตั้งแต่เริ่มธุรกิจ เรามองเทรนด์โลกในอนาคตว่า ทุกคนจะหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พืชผักผลไม้นับวันจะขาดแคลน และราคาจะสูงขึ้นเสมอ หากนำมาแปรรูปเป็นเม็ดจะช่วยให้เข้าถึงการกินผักได้ง่าย ตอบเทรนด์รักสุขภาพ แม้แต่คนที่ไม่ชอบกินผักเลยก็สามารถกินได้ และนอกจากโอกาสทางธุรกิจแล้ว เรายังมองว่าธุรกิจนี้มีส่วนสร้างรายได้กลับคืนสู่เกษตรกร โดยเฉพาะชาวไทยภูเขา ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมทางภาคเหนือจำนวนมาก” วิริยาเผย
งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท กับระยะเวลาเกือบ 5 ปี ถูกใช้ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรสำหรับสกัด “ผงวิตามิน” จากผักสด ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยหัวใจสำคัญคือการดึงน้ำออกจากผักในระบบสุญญากาศ จุดเด่นคงคุณค่าทางสารอาหารของผักสดได้ถึง 80-90% โดยปราศจากการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผักสด 100 กิโลกรัมเมื่อนำมาสกัดแล้วจะเหลือน้ำหนักเพียง 1.5-3 กิโลกรัมเท่านั้น (แล้วแต่ชนิดของผัก)
ทั้งนี้ คัดเลือกผักสด 12 ชนิดที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าให้สารอาหารครบถ้วน รับซื้อตรงมาจากโครงการหลวง ได้แก่ บีตรูต ปวยเล้ง เซอเลอรี บรอกโคลี พาร์สลีย์ ฟักทองญี่ปุ่น ผักชีล้อม มะเขือเทศเชอร์รี แครอท กะหล่ำปลีแดง พริกหวาน และต้นหอมญี่ปุ่น โดยนำมาเข้าสู่กระบวนการสกัดจนกลายเป็นผงวิตามิน ตามด้วยอัดเป็นเม็ดๆ จำนวน 5 เม็ด 5 สี ด้วยเหตุผลถ้าอัดเป็นเม็ดเดียวจะขนาดใหญ่ กินยากเกินไป ซึ่งกิน 5 เม็ดจะได้สารอาหารเทียบเท่ากินผักสดในปริมาณ 150 กรัม
ด้วยนวัตกรรมยอดเยี่ยม “ไบโอเวกกี้” เคยคว้ารางวัลต่างๆ มาแล้วมากมาย เช่น ชนะเลิศธุรกิจนวัตกรรม ปี 2555 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสุดยอดนวัตกรรมด้านสังคม “7 Innovation Awards” ปี 2558 จากเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีนวัตกรรมดีเด่นอย่างยิ่ง ทว่า ในการทำตลาดระยะแรกเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว วิริยาระบุว่าไม่ได้สวยงามอย่างที่คาดหวัง เพราะเป็นสินค้าใหม่ในตลาด มีนวัตกรรมล้ำเกินกว่าที่ผู้บริโภคทั่วไปจะเข้าใจได้ โดยมักถูกคิดว่าเป็นกลุ่มยารักษาโรค ทำให้ช่องทางตลาดและกลุ่มลูกค้าโดนจำกัดให้แคบกว่าที่ตั้งใจไว้
“เป้าหมายจริงๆ เราอยากทำสินค้าเพื่อตลาดวงกว้าง ให้คนทั่วไปทุกเพศทุกวัยสามารถซื้อกินง่ายๆ แต่ด้วยประสบการณ์ด้านการตลาดที่ขาดความเชี่ยวชาญ ทำให้การสื่อสารข้อมูลสินค้าถึงผู้บริโภคยากมาก ดังนั้น การทำตลาดเบื้องต้นจึงต้องมุ่งเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพอย่างจริงจังเสียก่อน โดยขายผ่านร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ ควบคู่กับนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ ให้ลูกค้าเกิดการเรียนรู้ และบอกต่อ จากนั้นจึงเพิ่มช่องทางขายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งออกงานแสดงสินค้า ร้านขายยา โมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ” วิริยาระบุ
สำหรับผักอัดเม็ด มีทั้งแบบซอง ราคา 20 บาท และแบบกล่อง บรรจุ 30 ซอง ราคา 535 บาท นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงจุดยืนสร้างสรรค์นวัตกรรมเช่นเดิม ทว่า ปรับรูปแบบให้ง่ายต่อการทำตลาดมากยิ่งขึ้น มีทั้งเยลลีวิตามินซีสูงผสมผักรวม 5 ชนิด แบรนด์ ‘ไบโอเวกกี้ กัมมี่วี” ราคา 250 บาท เครื่องดื่มชงสมุนไพร มีทั้งมะขามป้อม ผักเชียงดา และตรีผลา แบรนด์ “วีไบโอเวกี้” ในกล่องบรรจุ 10 ซอง ราคา 260 บาท และกล้วยอบเคลือบช็อกโกแลต แบรนด์ “มิสบานาน่า” กล่องละ 85 บาท ทำขึ้นเพื่อช่วยรับซื้อผลผลิตกล้วยเชียงใหม่จากเกษตรกรในท้องถิ่น
เจ้าของธุรกิจระบุด้วยว่า ปัจจุบันความตื่นตัวเรื่องสุขภาพของคนไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนมาจากเรื่องยอดขายและความเข้าใจในตัวสินค้าผักอัดเม็ดที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนแผนการทำตลาดในปีนี้ (2560) จะมุ่งออกงานแสดงสินค้า และทำสื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายตลาดส่งออกเพิ่มเติม โดยเฉพาะเป้าหมายหลักกลุ่มตะวันออกกลาง เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง และขาดแคลนวัตถุดิบอาหารประเภทพืชผัก
นอกจากนั้น บริษัทฯ จะไม่หยุดเรียนรู้ และพัฒนาสินค้านวัตกรรมต่อเนื่อง โดยกำลังจะออกสินค้าใหม่ เพื่อเจาะตลาดผู้สูงอายุ และผู้กำลังจะสูงอายุ รองรับประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
“บริษัทให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนานวัตกรรมอย่างยิ่ง เพราะเราเชื่อว่าจะช่วยให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน แม้เบื้องต้นจะยากต่อการสร้างแบรนด์ แต่เราเชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ด้วยนวัตกรรมที่สร้างมาจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือ เมื่อประกอบกับเทรนด์รักสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน” ผู้บริหารสาวทิ้งท้าย
ติดต่อwww. .bioveggie.net /Bioveggi
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *