ผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพ และนวัตกรรม ซึ่งเป็นวาระที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมีการขับเคลื่อนในหลากหลายมิติ ผ่านหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างให้ SMEs ทั้ง 2 กลุ่มนี้สามารถแจ้งเกิดอย่างแท้จริง
ขณะที่ บสย. ซึ่งมีบทบาทหลักในการช่วยเหลือ SMEs ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อ มีการขับเคลื่อนและสนองนโยบายรัฐในเรื่องนี้ ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มสตาร์อัพ และนวัตกรรม โดยร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการปล่อยกู้และค้ำประกันแล้วในกลุ่มสตาร์ทอัพ และจะเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มนวัตกรรมในปีหน้า
สำหรับกลุ่มนวัตกรรม ถือได้ว่าเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่ายังเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีความจำเพาะมาก ปัจจุบัน บสย. ได้ร่วมกับหลากหลายหน่วยงานเพื่อส่งเสริม SMEs ในกลุ่มนี้ หนึ่งในนั้นคือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ให้การรับรองผู้ประกอบว่าเป็นธุรกิจที่มีนวัตกรรม (Innovation) หรือไม่
วันนี้ สวทช. จึงมีโครงการ และบริการที่เข้าร่วมโครงการของ บสย. ที่จะรับรองว่า SMEs อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สวทช. ซึ่งให้การช่วยเหลือด้านการเงิน (เงินกู้Soft Loan) แก่เอกชนในภาคอุตสาหกรรม เพื่อการค้นคว้า วิจัยและพัฒนา เพื่อใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุง ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิตตามความต้องการของบริษัท
โครงการ “บริการรับรองการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม เพื่อยกเว้นภาษี 300%” การขอรับรองโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลส่าหรับรายจ่าย ที่ได้จ่ายไปเพื่อท่าการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม
โครงการบัญชีนวัตกรรมไทย เป็นการรับรองผลิตภัณฑ์/ บริการเพื่อขึ้นบัญชี นวัตกรรมไทย และโครงการบ่มเพาะธุรกิจ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นการพัฒนาแล ะสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจ เทคโนโลยีผ่านการกระบวนการบ่มเพาะธุรกิจที่มีแบบแผนเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
เพื่อเพื่อความเข้มแข็งให้กับ SMEs กลุ่มนวัตกรรม และทำให้โครงการค้ำประกันของ บสย. สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้มากที่สุด ขณะนี้ บสย. อยู่ระหว่างขอความร่วมมือจากหน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า หากมีผู้ที่รับบริการจากกระทรวงแล้วยินดีเปิดเผยข้อมูลว่า “สนใจต้องการสินเชื่อ” ก็สามารถรวบรวมและส่งรายชื่อมาที่ บสย. ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางแนะนำส่งต่อไปให้ธนาคาร
ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีผู้ที่รับบริการผ่านทั้ง 2 กระทรวงจำนวนมาก ประมาณ 4-5 พันราย หากเรื่องนี้ดำเนินการได้สำเร็จลุล่วง ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้การช่วยเหลือ SMEs กลุ่มนวัตกรรมขับเคลื่อนไปได้อย่างเต็มที่
วันนี้ผู้ประกอบการไทยที่มีนวัตกรรม สามารถติดต่อหาข้อมูล หรือขอความช่วยเหลือได้จากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง บสย. เพื่อสร้าง “ฝัน” นวัตกรรม ความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ให้เป็นธุรกิจที่สามารถเติบใหญ่ได้อย่างแท้จริง
บทความโดย: บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *