รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลาง ร่วมเปิดตัวบัญชีนวัตกรรมไทย เปิดโอกาสผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดภาครัฐ ด้านสำนักงบประมาณ เตรียมงบกว่า 442 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อจัดจ้าง ด้าน สวทช.ชี้มีบัญชีนวัตกรรมประกาศแล้ว 26 รายรอพิจารณา 8 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีกกว่า 50 ราย
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับนานาประเทศได้ จึงได้มอบหมายให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดทำบัญชีนวัตกรรมไทย ขึ้น ซึ่งหน่วยงาน บริษัท องค์กรเอกชน หรือองค์กรภาครัฐ ที่มีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ผ่านมาตรฐาน MSTQ ทาง สวทช.กำหนด สามารถขึ้นทะเบียนเป็นบัญชีนวัตกรรมไทยได้
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยแล้ว ทางสำนักนายกรัฐมนตรีโดยสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางจะจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างในกรณีพิเศษ โดยให้หน่วยงานราชการ หรือ ภาครัฐ สามารถที่จะจัดซื้อจัดจ้างได้เอง โดยไม่ต้องผ่านการจัดซื้อจากส่วนกลาง และผู้ที่ผ่านการขึ้นทะเบียน บัญชีนวัตกรรมไทย จะอยู่ได้สูงสุด 8 ปี ภายในระยะเวลา 8 ปีนี้ หน่วยงานภาครรัฐ ต้องการผลิตภัณฑ์ก็จะมาพิจารณาที่บัญชีนวัตกรรมก่อน แต่ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน คือ ของต้องดี และราคาไม่ได้สูง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า มาตรการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการนำผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งบัญชีนวัตกรรมเป็นการผลิตสู่เชิงพาณิชย์อย่างมีมาตรฐานในระดับที่เชื่อถือได้ และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ก่อนที่จะพัฒนาต่อไปในระดับการส่งออกในอนาคต ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐหันมาพิจารณาสินค้าที่ผลิตในประเทศทดแทนการนำเข้า โดยขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยจำนวน 34 ราย และรอการพิจารณาจาก สวทช.อีกประมาณ 50 ราย
สำหรับผู้สนใจที่ต้องการขึ้นทะเบียน บัญชีนวัตกรรมไทย สามารถส่งรายละเอียดมาให้ทางสวทช. พิจารณาได้ ตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ได้แก่ 1. เป็นนวัตกรรมที่เป็นผลมาจากงานวิจัยและพัฒนาของคนไทย อย่างมีนัยสำคัญ 2. เป็นนิติบุคคลไทยที่มีผู้ถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 51 หรือ องค์กรภาครัฐ ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการผลิต และจำหน่าย 3.ผ่านการรับรองมาตรฐานบังคับ 4. มีผลการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
นายพิชัย คุ้มหรั่ง ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานงบประมาณ 2 สำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์บัญชีนวัตกรรมในปี 2560 จำนวนเงิน 442 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้มีการดำเนินการประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยไปแล้วจำนวน 26 รายการ โดยผลงานที่ได้รับการรับรองจาก สวทช. และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และประกาศขึ้นบัญชีเพิ่มเติมอีก 8 รายการ มาตรการดังกล่าวนี้ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขายผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เป็นผลงานนวัตกรรมให้กับภาครัฐได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และในปี 2559 นี้ ภาครัฐจะได้มีการจัดสรรงบประมาณถึงกว่า 33,647 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.25 ของจีดีพี เพื่อผลักดันงานวิจัย พัฒนา เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์นวัตกรรมให้ได้ตามเป้า 1% ของจีดีพี ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการที่จะมีนักประดิษฐ์ และสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากเพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้านวัตกรรม เพราะประเทศไทยคงจะผลิตสินค้าราคาถูก ธรรมดาไม่ได้อีกแล้ว จะต้องผลิตสินค้าที่ไม่ธรรมดา และในราคาที่เหมาะสม
ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.Innovation.go.th
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *