ปลากระเบนสวยงาม เป็นสัตว์ที่ถือว่ามีราคาแพงระดับต้นๆ ของสัตว์น้ำ เพราะปลากระเบนบางสายพันธุ์มีราคาสูงถึงตัวละหลักล้านบาทเลยทีเดียว แม้ว่าในช่วงนี้ผู้เลี้ยงปลากระเบนเพื่อการค้าจะบอกว่าปลากระเบนสวยงามนั้นอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม
วันนี้ หลายคนยังไม่รู้จักปลาสวยงามประเภทนี้มากนัก เพราะการเลี้ยงยังอยู่ในวงแคบสำหรับนักเลี้ยงมืออาชีพเมืองไทย เนื่องด้วยราคาที่ทำให้คนระดับกลาง หรือล่างเอื้อมไม่ถึง ดังนั้น การเลี้ยงเพื่อการค้าที่ผ่านมาจึงเน้นการส่งออกเป็นหลัก เช่นเดียวกับ หนุ่มคนนี้ “อัคคกิตตฺิ์ พิพัฒน์ธัญธนา” เจ้าของฟาร์ม Smooth Stingray
“อัคคกิตติ์” เล่าว่า ได้เลี้ยงปลากระเบนมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งตอนนั้นปลากระเบนสวยงามเริ่มได้รับความนิยม โดยปลากระเบนที่นำมาเลี้ยงจะนำเข้ามาจากลุ่มน้ำอะเมซอน ประเทศบราซิล ซึ่งราคาค่อนข้างสูง โดยราคาเริ่มต้นตัวละหมื่นบาท ไปจนถึงหลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
สำหรับสายพันธุ์ปลากระเบนสวยงามที่มาจากธรรมชาติ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีน้ำตาล สายพันธุ์สีน้ำตาลตัวเล็ก และราคาถูกกว่าสายพันธุ์สีดำ ซึ่งสายพันธุ์สีน้ำตาลนิยมเลี้ยง ประกอบด้วยสายพันธุ์ Motoro, Pearl ray, Flower Tiger ส่วนสายพันธุ์สีดำนิยมเลี้ยง ได้แก่ Polkadot, Blackdiamond, Hen Lei, Galaxy
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้เลี้ยงได้มีการนำปลาแต่ละสายพันธุ์มาผสมข้ามสายพันธุ์ จนได้ปลากระเบนสวยงามน้ำจืดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในวงการจะเรียกปลาที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ว่า ลูกผสมไฮบริด (Hybrid) เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ค้า และผู้เลี้ยงเป็นลูกค้า และการทำลูกผสมไฮบริดนี้เองเป็นที่มาของปลากระเบนสวยงามเผือก ที่มีราคาสูงถึงหลักล้านบาท และเป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากผู้เพาะเลี้ยงปลากระเบนสวยงามจากประเทศไทย
สำหรับปลากระเบนเผือกที่ขยายพันธุ์ได้ในประเทศไทย ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปลาในสายพันธุ์ลูกผสมไฮบริดที่หน้าตาดี ราคายังสูงอยู่มาก เพราะยังมีปลาสายพันธุ์นี้ออกมาไม่มาก แต่ในอนาคตไม่อาจคาดเดาได้ว่า ราคาจะตกลงหรือไม่ แต่ถ้ามีผู้ที่สามารถทำลูกผสมไฮบริดแปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ สวยงาม อย่างที่ผู้เลี้ยงต้องการ และความนิยมปลากระเบนเผือกลดลง ราคาก็อาจจะลดลงได้
เจ้าของหนุ่ม เล่าถึงราคาปลากระเบนช่วงปีที่นิยมสูงสุด คือปี 2555-2557 และช่วงที่นิยมสูงสุด ช่วงปี 2556-2557 ราคาปลากระเบนที่มีการซื้อขายกันช่วงนั้น เช่น ปลากระเบนสายพันธุ์สีดำ Polkadot หรือ Black diamond ราคาปลาขนาด 1 ฟุต คู่ละ 150,000 บาท ส่วนลูกปลา ขนาด 1 เดือน Black diamond คู่ละ 20,000 บาท ลูกปลา Polkadot ขนาด 1 เดือน คู่ละ 12,000 บาท ลูกปลาสายพันธุ์สีน้ำตาล Motoro หรือ Pearl ray ขนาด 1 เดือน คู่ละ 5,000 บาทถึง 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับหน้าตาความสวยงามของปลาด้วย และถ้าปลามีตัวขนาดใหญ่ขึ้น ราคาก็ขยับไปเป็นหลักแสนบาท
สำหรับอายุของปลากระเบนที่สามารถผสมพันธุ์ได้ กระเบนสีดำ เป็นปลาที่มีอายุ 2 ปีครึ่งขึ้นไป ส่วนสีน้ำตาล จะใช้เวลาการเลี้ยงเพียง 14 เดือนถึงจะผสมพันธุ์และให้ลูก การออกลูก ตัวแม่จะตั้งท้อง 3 เดือน จำนวนลูกปลาที่ได้ ตั้งแต่ 4 ตัวไปจนถึงประมาณ 10 ตัว หรือ 13 ตัว แล้วแต่ความแข็งแรงของแม่ ในหนึ่งปีปลาจะให้ลูกได้ 3-4 ครั้ง ซึ่งการเติบโตของปลากระเบน จะโตได้ปีละ 1 ฟุต ซึ่งเมื่อปลาตัวใหญ่ขึ้น ลวดลายเห็นชัดขึ้น ราคาสูงขึ้น บางตัวมีราคาหลักแสนปลาย ไปจนถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว
“อัคคกิตติ์” เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงปลากระเบนมาจากความชอบส่วนตัว และได้มีโอกาสรู้จักกับผู้ที่เพาะเลี้ยง ก็เลยตัดสินใจซื้อมาทดลองเลี้ยง ตอนนั้นไม่มีเงิน เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือน เลือกซื้อสายพันธุ์ที่ราคาถูก อย่างเช่น Motoro มา 1 คู่ เลี้ยงได้ 3 เดือนมีคนสนใจก็เลยขาย และช่วงนั้นความต้องการมีมาก และตอนนั้นก็ได้ลาออกจากงานประจำมาช่วยน้องชายทำธุรกิจส่วนตัวก็จะมีเวลาว่าง ก็เลยตั้งใจว่าจะเพาะพันธุ์ปลากระเบนขาย แต่ด้วยช่วงนั้นตลาดได้รับความนิยมมากจริง การซื้อลูกปลามารอเพาะพันธุ์อย่างเดียวต้องใช้เวลา 1-2 ปีคงจะรอไม่ไหว ก็เลยใช้วิธีซื้อมาขายไป ทำรายได้หลัก 10 ล้านบาท
“โดยช่วงเริ่มผมไม่มีเงินทุน ขอเงินพ่อกับแม่มา 500,000 บาท นำเงินไปซื้อปลา 10 ตัว ราคาตัวละ 15,000 บาท เป็นตัวเมีย 7 ตัว และตัวผู้ 3 ตัว เลี้ยงไปได้ 6 เดือน ก็มีคนสนใจมาซื้ออีก ขายไปตัวละ 40,000 บาท ตอนนั้นลงทุนไป 500,000 บาท สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาแค่ 1 เดือน และหลังจากเริ่มเพาะปลาได้ สามารถทำรายได้มากถึง 10 ล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และระยะเวลาตั้งแต่ปี 2555-2557 สามารถทำรายได้จากการขายปลากระเบนได้มากถึงกว่า 30 ล้านบาท สามารถซื้อบ้านและรถด้วยเงินสด และทุนบางส่วนนำไปขยายบ่อเลี้ยงเพิ่ม ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่การเลี้ยงอีกหลายบ่อที่ต่างจังหวัด มีปลากระเบนที่เลี้ยงหลายร้อยตัว” คำบอกเล่าของ “อัคคกิตติ์” ถึงความโชคดีที่เขาได้มาเลี้ยงปลากระเบน
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบความนิยมผู้เลี้ยงปลากระเบนสวยงาม ซึ่งตกลงไปมากส่งผลต่อรายได้ที่ได้รับ โดยคาดว่าในปี 2559 นี้น่าจะมีกำไรจากการขายปลากระเบนประมาณเกือบ 2 ล้านบาท ตกลงไปจากปีที่เคยมีรายได้สูงสุดถึงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ต้องปรับตัว โดยการพัฒนาสายพันธุ์ปลาที่เป็นพิเศษแปลกใหม่ และต้องทำปลาที่คุณภาพดี หน้าตาสวยงามถึงจะขายได้ ซึ่งโดยส่วนตัวตอนนี้มุ่งเน้นทำปลากระเบนเผือก และพัฒนาปลากระเบนสายพันธุ์สีดำ อย่าง Polkadot หรือ Blackdiamond เป็นหลัก ส่วนสีน้ำตาลทำน้อยลงเพราะได้รับความนิยมน้อย และราคาถูก ทำให้ปัจจุบัน คนที่เพาะเลี้ยงปลากระเบนมีเงินหลักหมื่นบาทก็สามารถทำได้
ในส่วนการลงทุนในการเลี้ยงปลากระเบนของ “อัคคกิตต์” ในการทำฟาร์ม Smooth Stingray ทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นค่าอาหาร และค่าพนักงาน เดือนหนึ่งประมาณ 30,000 บาท อาหารของปลากระเบน คือ กุ้งฝอยแช่แข็ง และปลาทะเล ไส้เดือน ก็เลี้ยงได้เช่นกัน ปลากระเบนจะกินของสด ดังนั้นจึงไม่มีอาหารอัดเม็ดสำเร็จรูปขาย ส่วนขั้นตอนการเลี้ยงไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เพียงแค่ต้องทำระบบน้ำให้หมุนเวียน สะอาด เนื่องจากปลากระเบนเป็นปลาที่อยู่ในน้ำสะอาด และน้ำที่เลี้ยงปลากระเบนสกปรกได้ง่าย ทำให้ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน
อัคคกิตติ์เล่าว่า ส่วนของการตลาดของปลากระเบนที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงคนไทยและของตนเอง 90% ส่งออก ประเทศหลักที่ส่งออกคือ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน มีสหรัฐอเมริกาและยุโรปบ้างแต่ไม่มากนัก แต่ปัจจุบัน ตลาดจีน และญี่ปุ่นเริ่มลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาก็อาจจะขยายพันธุ์ได้เอง ดังนั้นจึงต้องพัฒนาสายพันธุ์ใหม่เพื่อจะได้เป็นทางเลือกให้ลูกค้า และเพื่อความอยู่รอดของผู้เพาะเลี้ยงปลากระเบนด้วย แต่ระยะหลัง เริ่มมีลูกค้ายุโรป และสหรัฐอเมริกาสนใจมากขึ้น รวมถึงตลาดใหม่ ในแถบประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่ซื้อเพื่อไปเพาะพันธุ์ขายอีกทอดหนึ่ง เหตุที่ความนิยมลดลงส่วนหนึ่งก็มาจากตลาดกุ้งเครฟิช ที่คนไทยหันมานิยมเพาะเลี้ยงมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนกับปลากระเบน
อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงในช่วงนี้ การลงทุนลดลงไปมากเพราะปลาถูกลงไป จากเดิมคู่ละ 30,000-40,000 บาท ปัจจุบันเหลือเพียงคู่ละหลักพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น ผู้เลี้ยงหน้าใหม่ไม่ต้องลงทุนสูง แต่ผลตอบแทนก็ลดลงไปตามราคาปลาเช่นกัน
สนใจโทร. 08-1113-1211 www.facebook.com/smoot stingray
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *