กระทรวงอุตสาหกรรมจัดพิธีมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณสถานประกอบการที่เข้าร่วม “โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค” ตามนโยบาย One Province One Agro - Industrial Product หรือโครงการ OPOAI ประจำปี 2559 โดยภาพรวมการประเมินโครงการฯ ได้ผลลัพธ์ (Outcome) ในระดับดี ก่อให้เกิดผลประโยชน์กับโครงการคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 326,418,755.44 บาท จากผู้เข้าร่วมโครงการ 137 ราย พัฒนา 200 แผนงาน
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค ตามนโยบาย One Province One Agro-Industrial Product หรือ OPOAI (โอปอย) ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสถานประกอบการ เพื่อลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/ระบบมาตรฐานสากล รวมถึงกำหนดให้มีกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงการหาช่องทางการตลาด
ทั้งนี้ การดำเนินงานเชิงลึกเป็นการสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนในการต่อเครือข่ายเป็นจิ๊กซอว์ในลักษณะของการทำงานไตรภาคีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร และเครือข่ายท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค เพื่อให้สถานประกอบการสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดำเนินโครงการ OPOAI นั้น กระทรวงฯ ได้จัดทีมที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ปรึกษาแนะนำสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการผ่านแผนงานพัฒนาที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ใน 7 ด้านอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 1. การบริหารจัดการลอจิสติกส์ จำนวน 18 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 31,879,291.50 บาทต่อปี 2. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จำนวน 56 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 85,851,993.58 บาทต่อปี 3. การปรับปรุงคุณภาพและพัฒนางาน จำนวน 35 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 37,297,631.88 บาทต่อปี 4. การลดต้นทุนพลังงาน จำนวน 19 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 13,516,088.48 บาทต่อปี
และ 5. การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/มาตรฐานสากล จำนวน 31 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 70,500,000.00 บาทต่อปี 6. กลยุทธ์การขับเคลื่อนทางการตลาด จำนวน 28 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 77,373,750.00 บาทต่อปี 7. การบริหารจัดการด้านการเงิน จำนวน 13 แผน มูลค่าผลประโยชน์ 10,000,000.00 บาทต่อปี
สำหรับสถานประกอบการดีเด่นที่ได้รับ รางวัลในปี 2559 มีจำนวน 12 ราย ได้แก่ แผนงานที่ 1 การบริหารจัดการลอจิสติกส์ บริษัท สารัชมาร์เก็ตติ้ง จำกัด จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ : มะขามแปรรูป คลุกเกลือ บ๊วย กวน แช่อิ่ม บริษัท อรุณไรซ์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ : ข้าว
ส่วนแผนงานที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงจันทร์ร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ผลิตภัณฑ์ : ผลิตแป้งขนมจีนและเส้นขนมจีน บริษัท บุญเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด จังหวัดปทุมธานี ผลิตภัณฑ์ : ทำเต้าหู้และน้ำนมถั่วเหลือง โรงหมี่ตะคุ ตราแม่ตุ้ย จังหวัดนครราชสีมา ผลิตภัณฑ์ : เส้นหมี่โคราช และแผนงานที่ 3 การปรับปรุงคุณภาพและปริมาณงาน บริษัท ศิริเรืองอำไพ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ผลิตภัณฑ์ : เครื่องเทศ สมุนไพร อบแห้ง บริษัท ไทยควอลิตี้สตาร์ช จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี ผลิตภัณฑ์ : แป้งมันสำปะหลัง
สำหรับแผนงานที่ 4 การลดต้นทุนพลังงาน บริษัท สันติภาพอุตสาหกรรม จำกัด จังหวัดชลบุรี ผลิตภัณฑ์ : หีบน้ำมันพืชและผลิตอาหารสัตว์ แผนงานที่ 5 การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/ระบบมาตรฐานสากล บริษัท ศิริเรืองอำไพ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ผลิตภัณฑ์ : เครื่องเทศ สมุนไพร อบแห้ง บริษัท นำชัยพาวเวอร์ ซัพพลาย จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี ผลิตภัณฑ์ : โรงอบข้าว สีข้าว และแผนงานที่ 6 กลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด โรงงานจัมโบ้เอ จังหวัดสุโขทัย ผลิตภัณฑ์ : ผลิตและจำหน่ายไอศกรีม บริษัท วังมะนาวเกษตรภัณฑ์ จำกัด จังหวัดราชบุรี ผลิตภัณฑ์ : ป่น บด ร่อน พืช เมล็ดพืช และกากพืช สำหรับผสมเป็นอาหารสัตว์
นายสมชายกล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ประกอบการที่เข้ารับรางวัลทั้งหมดมีผลการดำเนินงานที่เข้มแข็ง สามารถยกระดับธุรกิจของตัวเองให้มีศักยภาพทั้งเรื่องของการบริหารจัดการโลจิสติกส์ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการ ลดต้นทุนพลังงานอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ทั้งนี้ทราบได้จากการลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัด แต่ละสถานประกอบการ ซึ่งล้วนให้ความร่วมมือกับทีมที่ปรึกษาที่เข้าไปให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ทำให้ทีมที่ปรึกษาทราบเป้าหมาย ข้อเด่น ข้อด้อยของ แต่ละสถานประกอบการเพื่อระดมความคิดเห็นในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ตรงกับแผนงานที่สถานประกอบการนั้นๆ เข้าร่วมโครงการโอปอย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมจุดแข็ง และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นที่พึ่งของเกษตรกรในท้องถิ่นและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่สถาบันการศึกษาหรืออื่นๆ ในการเข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการนั้นๆ ต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *