เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน หรือ Border SEZs มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยให้สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมการค้าและการลงทุนที่น่าจะเติบโตทวีขึ้นในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ กิจการที่จะเข้าไปลงทุนใน Border SEZs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ (The Board of Investment of Thailand: BOI) ซึ่งกิจการเป้าหมายจำนวนทั้งหมด 23 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่บีโอไอจะสนับสนุนให้ลงทุนใน Border SEZs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอใน Border SEZs มากกว่ากิจการทั่วไปที่ได้รับส่งเสริมลงทุนจากบีโอไออยู่แล้ว แต่หากกิจการใดที่ไม่ได้รับส่งเสริมลงทุนจากบีโอไอก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกระทรวงการคลัง
Border SEZs มีการกำหนดพื้นที่ที่จำเป็นต้องเร่งพัฒนาออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ประกอบด้วย ตาก สระแก้ว สงขลา ตราด มุกดาหาร และหนองคาย และระยะที่ 2 ประกอบด้วย กาญจนบุรี เชียงราย นครพนม และนราธิวาส โดยในช่วงปี 2559-2560 ภาครัฐจะเร่งพัฒนา Border SEZs ในระยะที่ 1 เนื่องจากเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีความได้เปรียบทางด้านกิจกรรมการค้าชายแดน ซึ่งมีมูลค่าสูงอยู่แล้ว
พื้นที่ที่น่าจะเห็นการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมน่าจะเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งก็คือ “สระแก้วและตาก” โดยจุดเด่นที่น่าลงทุนใน SEZs สระแก้ว คือ การมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมปอยเปต-โอเนียงของกัมพูชาและท่าเรือแหลมฉบังของไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่เหมาะแก่การเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในกัมพูชาแล้วส่งสินค้าออกไปทางท่าเรือแหลมฉบังของไทย หรือการนำสินค้าที่ผลิตในกัมพูชากลับมาที่คลังสินค้าที่สระแก้วเพื่อกระจายสินค้าไปจำหน่ายในจังหวัดต่างๆของไทย
ขณะที่ ใน SEZs ตาก เหมาะแก่ธุรกิจที่ต้องการนำเข้าวัตถุดิบจากเมียนมาเพื่อมาผลิตสินค้าในฝั่งไทย และธุรกิจที่ต้องการใช้แรงงานเข้มข้น เนื่องจากค่าจ้างแรงงานเมียนมาต่ำกว่าแรงงานไทย และผู้บริโภคในเมียนมาก็ยังต้องการสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มอุปโภค/บริโภค สิ่งทอ/เครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างจากไทย
ข้อมูลโดย K SME
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
