กกจ. ประชุมร่วมกัมพูชาเร่งหาแนวทางพิสูจน์สัญชาติ เล็งต้องชุดปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกแรงงานครบกำหนดเอ็มโอยู 4 ปี เสนอใช้สมาร์ทการ์ดเป็นตั๋วผ่านเข้าออกไทย
วันนี้ ( 18 ส.ค.) ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน ร่วมกับนายเส็ง ศักดา อธิบดีกรมแรงงาน กระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพ กัมพูชา กล่าวภายหลังการประชุมหารือระหว่างไทยกับกัมพูชาเรื่องการจัดการแรงงานต่างด้าว
นายสุเมธ กล่าวว่า มีการประชุมครั้งนี้มีการหารือใน 4 เรื่อง คือ 1. การพิสูจน์สัญชาติและการจัดทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ซึ่งทางกัมพูชารับข้อเสนอในเรื่องการจัดชุดปฏิบัติงานเคลื่อนที่ (โมบายยูนิต) ในการพิสูจน์สัญชาติ โดยชุดเคลื่อนที่จะมีทั้งหมด 5 ชุดพร้อมชุดปฏิบัติงาน 1 ชุดที่จะปฏิบัติงานในสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย อีกทั้งยังเห็นตรงกันในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายของนายจ้างและลูกจ้างในการพิสูจน์สัญชาติ คาดว่า จะสามารถเริ่มพิสูจน์สัญชาติได้ในต้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทางการกัมพูชาสามารถออกหนังสือเดินทางไดถึง 1,500 -1,600 ชุดต่อวัน 2.แรงงานกัมพูชาที่ทำงานในภาคประมง ทางกัมพูชามีความเป็นห่วง ซึ่งได้ยืนยันว่าไทยมีการดูแลคุ้มครองอย่างดี ทั้งการให้เซ็นสัญญาก่อนลงเรือและไทยดูแลแรงงานทุกสัญชาติอย่างเท่าเทียมกัน 3.กรณีที่แรงงานกัมพูชาที่มาตามบันทึกข้อตกลงระหว่างประเทศ (เอ็มโอยู) และจะครบกำหนดการทำงาน 4 ปี ทางกัมพูชาเสนอว่าไม่อยากให้เดินทางกลับประเทศ และอยากให้ไทยพิจารณาขยายอายุสัญญา ซึ่งในเรื่องนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและค้ามนุษย์ (กนร.) ต่อไป และ 4. กรณีแรงงานมาทำงานแบบมาเช้าเย็นกลับหรือตามฤดูกาล ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ไทยได้เสนอในเรื่องการทำสมาร์ทการ์ดเพื่อการเข้าออกได้สะดวก โดยเรื่องนี้ทางกัมพูชาจะต้องนำกลับไปให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง
นายเส็ง กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมในการจัดทำพาสปอร์ตและพิสูจน์สัญชาติของแรงงานกัมพูชานั้น จะต้องนำกลับไปหารือกับทางรัฐบาลอีกครั้งเพื่อทำให้ราคาถูกที่สุดสำหรับแรงงานกัมพูชา ส่วนแรงงานที่ครบกำหนดเอ็มโอยู 4 ปี หากพาสปอร์ตหมดอายุสามารถต่ออายุได้ที่จุดรับทำพาสปอร์ตได้ทุกจุด โดยจะเปิดศูนย์เพื่อทำพาสปอร์ตในกัมพูชา 4 จุด คือ ปอยเปต (จังหวัดบันเตีย-เมียนเจย) ติดกับสระแก้ว ผะสาร์พรหม (จังหวัดไพลิน) ติดกับจันทบุรี ชามเยีบม (จังหวัดเกาะกง) ติดกับจังหวัดตราด และโอเสม็ด (จังหวัดอุดรเมียนเจย) ติดกับจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ ขอขอบคุณที่ คสช. เปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ทำให้แรงงานชาวกัมพูชาเข้าสู่ระบบแล้วกว่า 2 แสนคน พร้อมเรียกร้องให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียน และในอนาคตกัมพูชาจะส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมในชุดปฏิบัติงานเคลื่อนที่ (โมบายยูนิต) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานและนายจ้าง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ ( 18 ส.ค.) ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน ร่วมกับนายเส็ง ศักดา อธิบดีกรมแรงงาน กระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพ กัมพูชา กล่าวภายหลังการประชุมหารือระหว่างไทยกับกัมพูชาเรื่องการจัดการแรงงานต่างด้าว
นายสุเมธ กล่าวว่า มีการประชุมครั้งนี้มีการหารือใน 4 เรื่อง คือ 1. การพิสูจน์สัญชาติและการจัดทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ซึ่งทางกัมพูชารับข้อเสนอในเรื่องการจัดชุดปฏิบัติงานเคลื่อนที่ (โมบายยูนิต) ในการพิสูจน์สัญชาติ โดยชุดเคลื่อนที่จะมีทั้งหมด 5 ชุดพร้อมชุดปฏิบัติงาน 1 ชุดที่จะปฏิบัติงานในสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย อีกทั้งยังเห็นตรงกันในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายของนายจ้างและลูกจ้างในการพิสูจน์สัญชาติ คาดว่า จะสามารถเริ่มพิสูจน์สัญชาติได้ในต้นเดือนกันยายนนี้ ซึ่งทางการกัมพูชาสามารถออกหนังสือเดินทางไดถึง 1,500 -1,600 ชุดต่อวัน 2.แรงงานกัมพูชาที่ทำงานในภาคประมง ทางกัมพูชามีความเป็นห่วง ซึ่งได้ยืนยันว่าไทยมีการดูแลคุ้มครองอย่างดี ทั้งการให้เซ็นสัญญาก่อนลงเรือและไทยดูแลแรงงานทุกสัญชาติอย่างเท่าเทียมกัน 3.กรณีที่แรงงานกัมพูชาที่มาตามบันทึกข้อตกลงระหว่างประเทศ (เอ็มโอยู) และจะครบกำหนดการทำงาน 4 ปี ทางกัมพูชาเสนอว่าไม่อยากให้เดินทางกลับประเทศ และอยากให้ไทยพิจารณาขยายอายุสัญญา ซึ่งในเรื่องนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและค้ามนุษย์ (กนร.) ต่อไป และ 4. กรณีแรงงานมาทำงานแบบมาเช้าเย็นกลับหรือตามฤดูกาล ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ไทยได้เสนอในเรื่องการทำสมาร์ทการ์ดเพื่อการเข้าออกได้สะดวก โดยเรื่องนี้ทางกัมพูชาจะต้องนำกลับไปให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง
นายเส็ง กล่าวว่า ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมในการจัดทำพาสปอร์ตและพิสูจน์สัญชาติของแรงงานกัมพูชานั้น จะต้องนำกลับไปหารือกับทางรัฐบาลอีกครั้งเพื่อทำให้ราคาถูกที่สุดสำหรับแรงงานกัมพูชา ส่วนแรงงานที่ครบกำหนดเอ็มโอยู 4 ปี หากพาสปอร์ตหมดอายุสามารถต่ออายุได้ที่จุดรับทำพาสปอร์ตได้ทุกจุด โดยจะเปิดศูนย์เพื่อทำพาสปอร์ตในกัมพูชา 4 จุด คือ ปอยเปต (จังหวัดบันเตีย-เมียนเจย) ติดกับสระแก้ว ผะสาร์พรหม (จังหวัดไพลิน) ติดกับจันทบุรี ชามเยีบม (จังหวัดเกาะกง) ติดกับจังหวัดตราด และโอเสม็ด (จังหวัดอุดรเมียนเจย) ติดกับจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ ขอขอบคุณที่ คสช. เปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ทำให้แรงงานชาวกัมพูชาเข้าสู่ระบบแล้วกว่า 2 แสนคน พร้อมเรียกร้องให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียน และในอนาคตกัมพูชาจะส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมในชุดปฏิบัติงานเคลื่อนที่ (โมบายยูนิต) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่แรงงานและนายจ้าง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่