xs
xsm
sm
md
lg

ยาสีฟันออร์แกนิก ‘เอมไทย’ ดันนวัตกรรมจับเทรนด์สุขภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม้ในท้องตลาดจะมียาสีฟันสมุนไพร หลายแบรนด์ แต่ “เอมไทย” (AIMTHAI) วางตำแหน่งสินค้าให้มีนวัตกรรมเฉพาะตัวมากกว่าแค่บอกว่าตัวเองเป็นสูตรสมุนไพร โดยเจาะลึกในรายละเอียด ใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติที่ปลูกโดยปลอดสารเคมี หรือ “ออร์แกนิก” เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพอย่างสูงสุด

เจ้าของสินค้าดังกล่าวคือพี่น้อง “จักรพงษ์ บุปผานิโรจน์” และ “ศาตนันท์ วินิชวงศ์” บริษัท อควา ปุริ แลบบอราทอรีส์ จำกัด ที่เริ่มต้นจากเป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) สินค้าสมุนไพรต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546
จักรพงษ์ บุปผานิโรจน์
“เดิมผมทำงานเป็นนายช่างในโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ส่วนน้องสาวเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ เคยทำงานบริษัทผลิตยาและเครื่องสำอาง ทำให้เราทั้งสองมีความรู้ครบถ้วนในการผลิตสินค้าเวชสำอาง หลังทำงานประจำสักพักเลยออกมาช่วยกันทำธุรกิจส่วนตัว ลงทุนแค่หลักแสน ปรับปรุงพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านให้เป็นสถานที่ รับจ้างคิดสูตรและผลิตสินค้าสมุนไพรต่างๆ ให้ร้านสปาหลายแห่ง” จักรพงษ์เล่าจุดเริ่มต้น

ด้วยสินค้าสมุนไพรที่ลูกค้าถูกใจ ประกอบกับเทรนด์รักสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง กิจการของพี่น้องคู่นี้จึงก้าวหน้าตามลำดับ จากรายได้เดือนแรกที่ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวแค่หลักหมื่นบาท ปัจจุบันปี 2558 ที่ผ่านมาเฉลี่ยเดือนละกว่า 5 ล้านบาท และมีพนักงานเพิ่มเป็นกว่า 150 คน

จากทำธุรกิจทำรับจ้างผลิตให้ลูกค้านำไปติดแบรนด์ของตัวเองเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตัดสินใจครั้งสำคัญขยายฐานธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืนกว่าเดิม ด้วยการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนส่วนตัวควบคู่กับสินเชื่อธนาคาร โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน หันมาสร้างสินค้าแบรนด์ตัวเอง คือ “ยาสีฟันออร์แกนิคแอคทีฟ” แบรนด์ “เอมไทย” (AIMTHAI)

จักรพงษ์ ให้เหตุผลที่เลือกทำยาสีฟัน เพราะเป็นสินค้าที่ใกล้ชิดผู้บริโภคอย่างมาก ใช้แล้วหมดไป ต้องใช้ซ้ำอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าสามารถสร้างความแตกต่างจากสินค้าในท้องตลาดได้ ด้วยการเจาะจงใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติที่ปลอดสารเคมีมากที่สุด อย่างสมุนไพรธรรมชาติ เช่น กานพลู ว่านหางจระเข้ และใบฝรั่ง ล้วนเป็นสารประกอบที่มี “ใบรับรองคุณภาพ” ว่าเป็นออร์แกนิก รวมถึงไม่ใส่ผงฟอง และไม่มีน้ำตาล เป็นต้น

“ยาสีฟันเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องสัมผัสโดยตรงทุกวัน ถ้าใช้ยาสีฟันที่ทำจากเคมีก็เท่ากับเรารับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยตรงทุกวัน ในขณะที่ยาสีฟันกลุ่มสมุนไพรถึงจะมีหลายราย ก็ยังไม่มีรายใดเจาะจงใช้ส่วนประกอบจากออร์แกนิกเลย ทำให้ผมเห็นว่าเป็นช่องว่างที่เราจะนำเสนอตัวเป็นทางเลือกแก่คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ” เขาเสริม

ยาสีฟัน “เอมไทย” ออกสู่ตลาดในปี 2557 วางตำแหน่งเป็นสินค้าเกรดพรีเมียม โดยต้นทุนส่วนประกอบออร์แกนิคที่ใช้สูงกว่าวัตถุดิบตัวเดียวกันที่ไม่ได้เป็นออร์แกนิคถึง 3 ตัว วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ วัยรุ่น คนทำงาน และผู้สูงอายุที่ใส่สุขภาพ เบื้องต้นทำตลาดผ่านออนไลน์ จากนั้นเกิดการบอกต่อจากผู้เคยใช้ ช่วยให้ยอดเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนั้นยังออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น ยาสีฟันออร์แกนิกแอ็กทีฟพลัสวิตามินซี ยาสีฟันออร์แกนิกแอ็กทีฟสำหรับเด็ก แชมพูออร์แกนิกแอ็กทีฟสำหรับเด็ก ที่มีสรรพคุณไล่แมลงคลานเช่นเหา โฟมสระผมและอาบน้ำออร์แกนิก 2 อิน 1 และแป้งเนื้อโลชั่นสำหรับเด็ก เป็นต้น

“แนวคิดในการสร้างสินค้าใหม่ของผม 1. จะยึดจุดเด่นใช้ส่วนประกอบจากออร์แกนิก 2. ต้องเป็นสินค้าที่ไม่ซ้ำกับที่รับจ้างผลิตให้ลูกค้า เพื่อแสดงสปิริตที่จะไม่ทำสินค้าแข่งกับลูกค้าตัวเอง และ 3. ต้องเป็นสินค้านวัตกรรมแปลกใหม่จากตลาด” เจ้าของธุรกิจหนุ่มระบุ
ยาสีฟัน สำหรับเด็ก
ส่วนปัญหาของธุรกิจ เขาชี้ไปที่การสื่อสารกับลูกค้าใหม่ทำได้ยาก เนื่องจากเป็นสินค้าจากธรรมชาติ ลูกค้าที่ไม่เคยใช้มาก่อนอาจไม่คุ้นชิน เช่น เวลาแปรงจะไม่มีฟอง นอกจากนั้นยังไม่มีกฎหมาย หรือมาตรฐานใดๆ รับรองสินค้าการเป็นออร์แกนิกสมบูรณ์แบบ จึงยากที่จะสื่อสารจุดยืนของแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าใจในทันที

“ความตั้งใจของผมอยากจะให้ส่วนประกอบทั้งหมดเป็นออร์แกนิก แต่ในความจริง ส่วนประกอบบางตัวไม่มีกฎหมาย หรือมาตรฐานใดสามารถรับรองให้ได้ เช่น “น้ำเปล่าบริสุทธิ์” ก็ไม่มีมาตรฐานใดๆ รองรับออร์แกนิก กระทรวงเกษตรฯ ก็รับรองได้แค่สินค้าเกษตรบางตัว กระทรวงสาธารณสุขก็จะรับรองได้แค่สารประกอบบางชนิด แต่ถ้านำมารวมกันเป็น “ยาสีฟัน” แล้วยังไม่มีมาตรฐานใดๆ มารับรองความเป็นออร์แกนิกให้ผมได้เลย ดังนั้น ในการสื่อสารจุดยืนแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าใจง่ายๆ จึงเป็นเรื่องยาก ผมเลยบอกได้แค่ว่าสินค้าเราเป็น Natural with Organic” เขาอธิบาย
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
แผนการตลาดต่อไป จะมุ่งทำตลาดถึงตัวลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการออกบูทสื่อสารข้อมูลโดยตรง และให้ลูกค้าทดลองใช้ ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อได้ลองใช้แล้วอัตราลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำสูงมาก รวมถึงขยายไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าว่า จะช่วยขยายสัดส่วนรายได้ของบริษัทในส่วนแบรนด์ตัวเองจากปัจจุบัน 30% ให้เพิ่มเป็น 50% เท่าเทียบกับรายได้ส่วนรับจ้างผลิต

“จากที่ผมอยู่ในธุรกิจสุขภาพมา 10 กว่าปี เห็นชัดเจนว่าความใส่ใจสุขภาพกับคนไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้สภาพเศรษฐกิจที่ตอนนี้จะชะลอ สินค้าหลายชนิดยอดขายอาจถดถอยลง แต่สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพแล้วแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากเราสามารถสื่อสารข้อมูลสินค้าให้เห็นถึงคุณภาพที่ตอบความต้องการเพื่อสุขภาพได้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าโอกาสธุรกิจยังมีอีกมาก” จักรพงษ์กล่าวในตอนท้าย

นับเป็นไอเดียธุรกิจจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สร้างสรรค์สินค้าที่มีเอกลักษณ์ จับเทรนด์รักสุขภาพได้อย่างน่าสนใจ

ติดต่อโทร. 0-2955-9311 , www.aimthai.com , FB: aimthaiorganic

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น