ทำไม “ผ้าไทย” มักถูกใช้แค่ทำสินค้าแฟชั่นเพื่อผู้สูงอายุ? นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นกับตัวเองของ “พรรษพร แรมส์บอททอม” กลายเป็นแรงบันดาลใจ อยากหยิบวัสดุผ้าไทยมาผสมผสานกับหนังสัตว์ สร้างสรรค์เป็นกระเป๋าหนังผ้าไทยใบเก๋เพื่อสุภาพสตรีวัยรุ่น วัยทำงาน สามารถหิ้วหรือสะพายได้โดดเด่นในชีวิตประจำวัน
สาวคนนี้มีดีกรีจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากประเทศอังกฤษ เคยทำงานในองค์กรชั้นนำ จนเมื่อถึงจุดอิ่มตัวและมีความพร้อม ผันมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักและใฝ่ฝันมาตลอด นั่นคือ ทำธุรกิจกระเป๋าแฟชั่นภายใต้แบรนด์ตัวเอง
เธอเล่าว่า หลงใหลงานศิลปะมากๆ ที่ผ่านมามักเข้าอบรมเรียนเสริมเกี่ยวกับศิลปะเสมอ โดยเฉพาะงานศิลปะที่ชื่นชอบที่สุด คือ “ผ้าไทย” เพราะมีทั้งความสวยงาม เอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังเต็มเปี่ยมด้วยภูมิปัญญาสืบสานมายาวนาน เมื่อคิดจะทำกระเป๋า เลยเจาะใจจะใช้ผ้าไทยเป็นวัตถุดิบพระเอก
“ทุกวันนี้ผ้าไทยที่ถูกนำไปใช้ทำสินค้าแฟชั่นต่างๆ มักจะเป็นสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งๆ ที่ผ้าไทยมีศักยภาพสามารถจะทำออกมาให้ทันสมัยได้ รวมถึงช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมาดิฉันเห็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่หันมานิยมแฟชั่นผ้าไทยมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากในโซเชียลมีเดียต่างๆ มีเน็ตไอดอลหลายรายที่สร้างชื่อจากการแต่งชุดไทยจนกลายเป็นผู้นำแฟชั่นคนรุ่นใหม่”
สำหรับเหตุที่เลือกจะทำเป็นกระเป๋านั้น พรรษพรอธิบายว่า จากที่สำรวจตลาด คู่แข่งยังน้อย ส่วนใหญ่แบรนด์ที่มีกระเป๋าหนังผ้าไทยจะทำออกมาเป็นคอลเลกชันพิเศษ มุ่งไปที่ลูกค้าเป้าหมายผู้ใช้วัย 45 ปีขึ้นไป แต่สำหรับแบรนด์ที่ตั้งใจทำกระเป๋าหนังบวกผ้าไทยโดยตรง และเจาะจงลูกค้าเป้าหมายวัยรุ่นแทบจะไม่มีเลย ทำให้เชื่อว่ายังมีช่องว่างตลาดที่จะแทรกตัวแจ้งเกิดได้
เธอเล่าว่า เสาะแสวงหาแหล่งผลิตผ้าไทยด้วยตัวเอง ตระเวนไปทั่วประเทศ โดยเข้าไปซื้อถึงกลุ่มแม่บ้านผู้ผลิตโดยตรงเพื่อจะได้ผ้าไทยต้นตำรับแท้ๆ สำหรับผ้าที่เลือกใช้ เน้นต้องเป็นผ้าที่ทอแน่นแข็งแรงเหมาะจะมาทำเป็นกระเป๋าได้ เช่น ผ้าปักมือของชาวไทยภูเขา ผ้าทอมือภาคอีสาน และผ้าทอลายโบราณของภาคใต้ เป็นต้น ส่วนวัตถุดิบหนังสัตว์ เลือกใช้หนังวัวแท้ ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน และต้นทุนไม่สูงเกินไป ขณะที่อุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่น ซิป หมุดปัก ห่วงคล้อง ฯลฯ ล้วนใช้เกรดดีที่สุดในท้องตลาด
ส่วนการผลิต ใช้วิธีว่าจ้างช่างทำกระเป๋ามืออาชีพ ทำตามแบบที่เธอออกแบบขึ้นเอง ลองผิดลองถูกจนได้กระเป๋าถูกใจและลงตัว ทั้งเรื่องความสวยงาม แข็งแรงทนทาน และตอบการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
“การออกแบบ ดิฉันใช้ความรู้จากที่เคยเข้าอบรมงานศิลปะ ประกอบดูเทรนด์ความนิยมแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงอาศัยประสบการณ์ในชีวิตประจำวันเพื่อจะออกแบบให้เป็นกระเป๋าที่ผู้ใช้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น สามารถพลิกแพลงเปลี่ยนสายเป็นได้ทั้งกระเป๋าหิ้วและกระเป๋าสะพายในใบเดียว เป็นต้น” พรรษพรระบุ
เบื้องต้นการทำตลาด อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์ครบวงจร ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์ ตามด้วยออกงานแสดงสินค้า และเข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อรับคำปรึกษาทางธุรกิจและได้รับการส่งเสริมการตลาด
กว่าจะสำเร็จเป็นกระเป๋าหนังผ้าไทย เธอเล่าว่า ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 3 แสนบาท ตั้งแต่หาแหล่งวัตถุดิบผ้า และพัฒนาสินค้านานเกือบ 1 ปี เบื้องต้นมี 5 แบบ แต่ละแบบจะมีลายผ้าและสีสันต่างกันไป นับเป็นงานทำมือ ทุกใบล้วนมีชิ้นเดียวในโลก ราคาตั้งแต่ใบละ 5,000-6,500 บาท กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สุภาพสตรี อายุตั้งแต่ 20-45 ปี
“แบรนด์ Jai เริ่มออกตลาดประมาณกลางปี 2558 ที่ผ่านมา วิธีทำตลาดช่วงแรกดิฉันจะเลือกซื้อโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อให้สินค้าไปปรากฏยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงเลย ซึ่งถือเป็นการลงทุนทำตลาดที่ไม่สูงนักแต่ได้ผลดี เพราะหลังจากโฆษณาไม่นานเริ่มมีออเดอร์เข้ามา และหลังจากที่ลูกค้าซื้อไปใช้แล้วติดใจในคุณภาพและดีไซน์ ก็จะเกิดการบอกต่อ ทำให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันเฉลี่ยยอดขายประมาณเดือนละหลักแสนบาท ลูกค้ากว่า 90% คือสาวไทยช่วงวัยทำงาน”
เมื่อเริ่มตั้งไข่ในประเทศได้แล้ว พรรษพรเผยแผนธุรกิจปีหน้า (2559) เตรียมจะเปิดหน้าร้านสำหรับเป็นโชว์รูมแสดงสินค้า อีกทั้งเตรียมจะขยายตลาดส่งออกผ่านการออกงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออก และร่วมโครงการของภาครัฐที่สนับสนุนเอสเอ็มอีไทยด้านแฟชั่นไปสู่ตลาดต่างประเทศ
“ที่มาของแบรนด์ “Jai” มาจากคำว่า “ใจ” เพราะธุรกิจนี้มันเกิดจาก “ใจ” ตั้งแต่ใจที่รักผ้าไทยอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ชาวบ้านผู้ลงมือทอผ้าก็ทำขึ้นด้วยใจที่รักในอาชีพของตัวเอง และดิฉันเชื่อว่า ลูกค้าที่จะซื้อสินค้าประเภทนี้ก็ต้องเป็นคนที่มีใจรักในผ้าไทย และกระเป๋าด้วยเช่นกัน ดังนั้น คำว่าใจ สำหรับดิฉันจึงมีความหมายครอบคลุมและเหมาะสมที่จะบ่งบอกตัวเองของแบรนด์มากที่สุด” เธอทิ้งท้าย
โทร. 08-5842-3700, www.thai-jai.com , jaistylish
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *