เมื่อรู้ตัวเองว่ารักในอาชีพเกี่ยวกับการ “เกษตร” อย่างแท้จริง ประกอบกับเชื่อมั่นเทรนด์ “ดูแลสุขภาพ” นับวันจะยิ่งมาแรง ผลักดันให้ 'อั้น-บุญชะนะ เอกวานิช’ ทุ่มสุดตัว ลุยธุรกิจผักปลอดสารพิษครบวงจร ตั้งแต่ฟาร์มปลูก ตามด้วยขายส่งผลผลิตในห้างสรรพสินค้า และต่อยอดเปิดร้าน ‘farmfactory’ ที่มีเฉพาะเมนูสลัดผัก สร้างสรรค์น่าตื่นตาตื่นใจ เสิร์ฟอร่อยคู่สุขภาพ เพื่อลูกค้าคนเมืองยุคใหม่
เส้นทางธุรกิจของหนุ่มวัย 29 ปีเริ่มเมื่อ 4 ปีที่แล้วนี่เอง จากเคยทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ตำแหน่ง Programmer และ System Analyst เกิดจุดเปลี่ยนชีวิตเมื่อแม่ป่วยหนัก ต้องลาออกกลับบ้านเกิด จ.ภูเก็ต เพื่อมาดูแลแม่ แต่ 2 เดือนจากนั้นท่านก็จากไปด้วยอาการไตวาย
“ชีวิตตอนนั้นผมถามตัวเองว่าเราจะเดินต่อไปทางไหนดี เรารักหรืออยากทำอะไรจริงๆ บ้าง ผมตอบตัวเองได้ว่าชอบปลูกผักมาก และแม่ต้องเสียเพราะสาเหตุจากการกินอาหาร ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากทำเกษตรเพื่อสุขภาพ เลยเริ่มศึกษาธุรกิจผักปลอดสารพิษ” อั้นกล่าวนำ
อย่างไรก็ตาม เพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจที่ฝันไว้เป็นสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ หรือเพียงคิดไปเอง หนุ่มอั้นใช้เงินแค่ 2,000 บาทซื้ออุปกรณ์ง่ายๆ ทดลองทำแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เล็กๆ และเมื่อผ่านไป 4-5 เดือน ตอบตัวเองได้ชัดเจนว่านี่คือสิ่งที่อยากจะทำไปตลอดชีวิต ค่อยตัดสินใจ นำเงินเก็บสะสมทั้งหมดกว่า 5 แสนบาทลงทุนทำแปลงผักปลอดสารเต็มรูปแบบ บนเนื้อที่กว่าครึ่งไร่ของครอบครัว ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต
“ถึงเราจะบอกตัวเองว่าชอบด้านเกษตร แต่ถ้าทำจริงแล้วเจออุปสรรคอาจจะไม่อยากทำแล้วก็ได้ ผมเลยเริ่มจากทำเล็กๆ เพื่อทดสอบตัวเองก่อน ช่วงเรียนรู้นี่เองทำให้ผมตอบตัวเองได้ว่าเรารักธุรกิจนี้จริง เพราะทำทุกวัน ไม่มีเหนื่อย ตื่นเช้าก็อยากไปดูแปลงผัก ผมเลยขอที่ดินของครอบครัวมาทำแปลงผัก ซึ่งข้อดีของที่ดินตรงนี้อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ช่วยประหยัดต้นทุนการเดินทางขนส่ง อีกทั้งมีบ่อน้ำบาดาล ช่วยให้มีแหล่งน้ำใช้ตลอดทั้งปี” หนุ่มไฟแรงเผย
“ผมเริ่มจากสร้างฟาร์มเองทั้งหมด ทำทุกขั้นตอน ตัดท่อ pvc เทปูน เซตระบบ ฯลฯ ล้มลุกคลุกคลานมาอีกหลายเดือน เพราะภูเก็ตสภาพอากาศจะเป็นฝน 8 เดือน ร้อน 4 เดือน ซึ่งไม่เหมาะกับการปลูกผัก ผมก็หาวิธีปรับโรงเรือนให้เหมาะสม จนได้ผลผลิตครั้งแรก และเริ่มมีโอกาสติดต่อขายส่งผ่านเอเยนต์ พอเริ่มขายได้ก็ขยับขยายกำลังการผลิตได้เฉลี่ย 400 กิโลกรัม (กก.) ต่อสัปดาห์ แต่สิ่งที่เราเจอคือ เกิดปัญหาสภาพคล่อง เพราะทางเอเยนต์เริ่มดึงเงินค้างจ่าย และยังกดราคาลง”
“ปัญหาดังกล่าวทำให้ผมคิดอยากจะส่งผักสดเข้าในห้างสรรพสินค้าแทน เลยไปติดต่อแม็คโครใน จ.ภูเก็ต แต่เนื่องจากแม็คโครเป็นบริษัทใหญ่ระดับบริษัทมหาชน ต้องผ่านการตรวจตามระเบียบที่มากมาย และมีความต้องการใช้ของปริมาณสินค้าสัปดาห์ละ 1,000 กก.ขึ้นไป ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมผลิตได้เต็มที่แค่ 400 กก.ต่อสัปดาห์ แล้วก็ไม่รับประกันว่าจะรับสินค้าของเราเข้ามาขายในแม็คโครแน่หรือเปล่า แต่ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่ทางแม็คโครกำหนด ผมตัดสินใจปรับปรุงและขยายฟาร์มครั้งใหญ่ เพิ่มพื้นที่ปลูกเป็น 1.5 ไร่ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีตลาดรองรับ”
“พอสร้างเสร็จลงต้นกล้าวันแรกก็เจอพายุเข้าอีก โรงเรือนที่สร้างมาล้มพังเกิดความเสียหาย ต้องแก้ไขปรับปรุงเสริมความแข็งแรง ระหว่างนั้นทางแม็คโครก็ส่งคนมาตรวจเราเรื่อยๆ เป็นระยะเวลา 3 เดือน”
“ตอนนั้นผมมีผลผลิตออกแล้วกว่า 1.6 ตัน/สัปดาห์ แต่ยังไม่มีตลาดแน่นอน สิ่งที่ผมทำระหว่างรอแม็คโครอนุมัติ คือ ขับรถเร่เปิดท้ายขายผัก เริ่มช่วงเช้าตั้งแต่ 06.30 น. จะไปจอดหน้าร้านติ่มซำชื่อดังของภูเก็ต ขายต้นละ 20 บาท ตกเย็นไปขายที่สวนสาธารณะบ้าง ที่ออกกำลังกายตามเขื่อนบ้าง เป็นภาพชินตาของคนภูเก็ตที่เห็นเด็กหนุ่มพร้อมผักสลัดมากมายท้ายกระบะ เป็นอย่างนี้ทุกวันตลอด 3 เดือน แม็คโครจึงอนุมัติเริ่มสั่งซื้อสินค้าจากเรา” หนุ่มอั้นเผยถึงอุปสรรคกว่าจะนำผักที่ปลูกเข้าขายในห้างสรรพสินค้าได้สำเร็จ
บุญชะนะใช้เวลา 2 ปีฟันฝ่าปัญหาต่างๆ พาธุรกิจขึ้นแท่นเป็นฟาร์มปลูกผักสลัดปลอดสารอันดับต้นๆ ของ จ.ภูเก็ต ด้วยปริมาณส่งรวมในปัจจุบันกว่า 5 ตันต่อสัปดาห์ บนเนื้อที่ปลูกกว่า 4 ไร่ กระจายขายส่งในห้างสรรพสินค้า มินิมาร์ท โรงแรม และร้านอาหารต่างๆ ในภูเก็ต รวมกว่า 50 แห่ง ภายใต้แบรนด์ “The Secret Salad Farm”
และเพื่อต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจให้สำเร็จเป็นภาพตามฝันที่วางไว้ คือทำครบวงจรตั้งแต่ปลูก ส่งขายวัตถุดิบ และประกอบเป็นอาหาร เป็นที่มาของการเปิดร้านอาหาร ‘farmfactory’ เมื่อปี 2558 ณ เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต มีเอกลักษณ์ ขายเฉพาะเมนูสลัดผัก ซึ่งนำมาสร้างสรรค์ให้แตกต่างจากท้องตลาด ภายใต้แนวคิด Healthy Fast Food หมายถึงอาหารสุขภาพเสิร์ฟอย่างรวดเร็วเพื่อคนรุ่นใหม่
“จากตัวเลขส่งผักที่โตต่อเนื่อง ประกอบกับเชื่อมั่นว่าเทรนด์รักสุขภาพจะมาแรงแน่ๆ ทำให้ผมตัดสินใจจะทำร้านนี้ โดยสร้างความแตกต่างจากท้องตลาด ซึ่งทุกวันนี้ร้านอาหารแทบทุกแห่งมีสลัดขาย แต่พอถามว่า สลัดที่อร่อยจริงๆ อยู่ที่ร้านไหน แทบทุกคนตอบไม่ได้ ดังนั้น ผมเลยกำหนดจุดยืนให้เราเป็นผู้ชำนาญเรื่องสลัด ขายเฉพาะเมนูสลัด ประกาศตัวเองให้ชัดเจนไปเลย และเชื่อว่าลูกค้าจะชัดเจนไปกับผม ถ้าคุณอยากจะกินสลัดที่อร่อยแตกต่าง สะดวกรวดเร็วต้องมาหาผม ทุกเมนูผมสร้างสรรค์ขึ้นเอง ใช้วัตถุดิบเกรดเอ รูปแบบและน้ำสลัดเฉพาะตัว หาจากที่อื่นไม่ได้” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม กว่าจะได้รับการพิจารณาให้เปิดร้านในเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต ถูกปฏิเสธถึง 4 ครั้ง ด้วยสาเหตุหลักในเวลานั้นมีอายุเพียง 28 ปี และไร้ประสบการณ์ในการทำร้านอาหารมาก่อน แต่ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธเขาจะถามผู้พิจารณาว่าธุรกิจที่คิดขึ้นนี้ยังมีจุดอ่อนใดๆ อีกบ้าง หลังจากนั้นจะนำกลับมาแก้ไขเพื่อหาทางปิดจุดอ่อน แล้วนำกลับไปเสนอใหม่ จนที่สุดได้รับไฟเขียว
“farmfactory เกิดจากความตั้งใจของผมที่อยากจะเห็นคนในสังคมมีสุขภาพที่ดีขึ้น เป็นโจทย์ตั้งต้นว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง เราเห็นชีวิตคนเมืองที่หากินอาหารสุขภาพนั้นทำได้ยากและมีเวลาจำกัด ต้องการเร่งรีบ จึงเกิดร้านสลัดและอาหารสุขภาพที่ฉีกจากที่เคยมีในประเทศไทย ด้วยแนวคิด Healthy Fast Food เป็นร้านที่โชว์และเปิดให้ลูกค้าเห็นถึงขั้นตอนการปรุงทุกขั้นตอน และใช้เวลาไม่มาก การคลุกและการจัดจานแต่ละเมนูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียม เช่น คีนัว เข้ามาสร้างความแปลกใหม่ การสื่อสารกับลูกค้า สไตล์เรียบหรู”
ทั้งนี้ ร้าน ‘farmfactory’ มีเมนูหลักแค่ 20 รายการเท่านั้น ทุกเมนูคิดค้นคิดเอง ให้มีหน้าตาสวยงามชวนกิน ส่วนน้ำสลัดมีให้เลือกนับ 10 รสชาติ ซึ่งเป็นสูตรที่คิดขึ้นเองเช่นกัน ด้านราคาอาหารเฉลี่ยชุดละ 100-300 บาท นอกจากนั้น มีน้ำผักผลไม้ขายด้วย เฉลี่ยแก้วละ 80-90 บาท และที่สำคัญ ทุกเมนูจัดวางให้มีความเป็นสากลตั้งแต่แรก สามารถกินได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ และทุกศาสนา ปูทางในอนาคตในระยะยาวไม่ใช่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่อาจจะโกอินเตอร์ เปิดสาขาในต่างประเทศก็เป็นไปได้
ด้วยแนวคิดกับรูปแบบร้านที่โดดเด่นชัดเจน ร้าน‘farmfactory’ เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ลูกค้าเฉลี่ยกว่า 100 รายต่อวัน ประมาณ 70% คือชาวต่างชาติ ส่วน 30% เป็นคนไทย เฉลี่ยยอดใช้จ่ายประมาณ 200 บาทต่อบิล หักต้นทุนต่างๆ เหลือกำไรสุทธิ 20-25% ของรายได้ หรือประมาณ 30,000 บาทต่อวัน
5 เดือนหลังเปิดสาขาแรก บุญชะนะพาร้านสลัดสัญชาติไทยจากภูเก็ตมาเข้ากรุง ณ สีลมคอมเพล็กซ์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 4 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 3 ล้านบาท และทุนหมุนเวียนอีก 1 ล้านบาท กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศระดับ B ขึ้นไป อายุตั้งแต่ 23 ปี
“สาขา 2 ที่สีลมคอมเพล็กซ์ผมก็ควบคุมการก่อสร้างเองทั้งหมดเหมือนเดิม สว่างพร้อมช่างทุกคืน จนสนิทกับพี่ยามกะดึก ทุ่มเทสุดชีวิต เพราะนี่คือฝันที่ได้ทำ ทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ระหว่างก่อสร้างอุปสรรคมากมาย ก็ลุยกันจนคืนสุดท้าย เช้าวันรุ่งขึ้นร้านเปิด เสร็จสว่างพอดี ไม่ได้นอนติดกัน 2 วัน แต่มันก็ผ่านไปได้จนร้านเสร็จ”
เนื่องจากวัตถุดิบหลักที่ใช้คือ “ผักสด” นับเป็นปัจจัยปราบเซียน เพราะอายุใช้งานสั้นมาก การบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด วิธีที่ร้าน ‘farmfactory’ ใช้นั้นอาศัยสั่งวัตถุดิบผักต่างๆ จากพันธมิตร 4 รายที่ล้วนเป็นฟาร์มผักที่ได้มาตรฐาน มาจากหลายแหล่ง เช่น เขาค้อ ปากช่อง และโครงการหลวง เป็นต้น โดยจะมาส่งให้ทุกเช้าแบบวันต่อวัน ทั้งส่งทางเครื่องบิน และรถบรรทุก ซึ่งจำเป็นต้องสั่งในปริมาณมากพอสมควรคู่ค้าจึงยินยอมส่งให้ทุกวัน รวมถึงต้องคาดปริมาณการสั่งให้ใกล้เคียงการใช้งานจริงมากที่สุดด้วย เพราะหลังปิดร้านทุกวันวัตถุดิบที่เหลือทั้งหมดจะถูกทิ้ง ไม่นำมาใช้อีกในวันรุ่งขึ้นเลย
ร้าน ‘farmfactory’ สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ เปิดต้นปี 2559 นี่เอง มีปริมาณใช้เฉพาะผักสลัดกว่า 60 กก.ต่อวัน ส่วนผักอื่นๆ อีกกว่า 40 ชนิด เช่น อัลมอนด์ ข้าวไรซ์เบอร์รี มะเขือเทศ ฯลฯ เฉลี่ยชนิดละหลายสิบ กก. มียอดขายสูงกว่าสาขาแรกถึง 3 เท่าตัว อัตราลูกค้าเฉลี่ยกว่า 500 คนต่อวัน และที่สำคัญกลุ่มลูกค้าหลักคือคนไทย บ่งบอกได้ว่าความเชื่อเรื่องคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเป็นความคิดที่ถูกต้อง
“ทุกวันนี้ผมเห็นพฤติกรรมการกินอาหารสุขภาพของคนไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมนูของผม พยายามจะทำให้อร่อยและดีต่อสุขภาพ เกิดการกินซ้ำและกลายเป็นเมนูประจำที่กินได้ทุกวัน พร้อมกับทำประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการป้องกันก่อนเกิดโรคร้าย ดีกว่าเป็นโรคแล้วรักษา เพราะถ้าคุณมีสุขภาพดีแล้ว ก็จะสามารถใช้ชีวิตไปทำตามฝันของตัวเองได้” เขากล่าว
ในส่วนแผนการตลาดนั้น ใช้โปรโมตผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ควบคู่ทำโปรโมชันร่วมกับบัตรเครดิต KTC เช่น ใช้แต้มสะสมเป็นส่วนลด เป็นต้น ช่วยดึงดูดใจลูกค้าอย่างดี รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพราะได้รับความไว้วางใจจากบริษัทใหญ่ในการทำตลาดร่วมกัน ส่วนแผนต่อไปกำลังขยายสาขาเพิ่มในย่านสีลม คาดปีนี้จะเพิ่มอีก 2 สาขา รวมถึง อยู่ระหว่างพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ลูกค้าสั่งถึงสลัดผักจานด่วนไปกินได้ถึงบ้าน
ระยะเวลาแค่ 4 ปีจากเริ่มต้น ขณะนี้ บุญชะนะ ในวัยเพียง 29 ปี มีธุรกิจเกี่ยวกับผักปลอดสารที่อยู่ในความดูแล ทั้งฟาร์มปลูก ขายผักสด และร้านสลัด ผลประกอบการปีที่ผ่านมาเกิน 10 ล้านบาท
และเมื่อถามว่า “สิ่งสำคัญที่สุดที่พามาถึงจุดนี้คืออะไร?” คำตอบที่เขาให้คือ “ต้องรักในธุรกิจที่ทำอย่างแท้จริง”
“ผมย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ที่ถามตัวเองว่า ‘อยากทำอะไร?’ ถ้าตอนนั้นผมตอบตัวเองได้แค่ “อยากรวย” พลังในการทำงานมันจะไม่มากพอ แต่คำตอบของผมคือ หาธุรกิจที่เรารัก และอยากทำจริงๆ เมื่อหาเจอมันเลยทำให้ผมมีพลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อยู่กับมันได้นานๆ อย่างมีความสุข ดังนั้น ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ผมอยากให้ถามตัวเองก่อนว่า คุณรักหรืออยากจะทำมันจริงๆ หรือเปล่า?” บุญชะนะทิ้งท้าย
เส้นทางของนักธุรกิจหนุ่มวัย 29 ปี บ่งบอกถึงการทำในสิ่งรักแบบทุ่มสุดตัว โดยค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากจุดเล็กๆ ท้าพิสูจน์แนวคิดตัวเองเสียก่อนว่าถูกต้องจริงหรือไม่ ทั้งหมดประกอบกันจนเป็น ‘farmfactory’ ในวันนี้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *