สศอ.เดินหน้าแผนยกระดับอุตสาหกรรมบริการไทยเทียบเท่ากับประเทศพัฒนาแล้ว สัดส่วนร้อยละ 70 ของ GDP ปัจจุบัน ไทยมีสัดส่วนร้อยละ 50 GDP มาเป็นเวลานาน โดยร่วมกับบริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) ประเมินด้านบวกและลบอุตสาหกรรมบริการไทย
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยจะยกระดับให้เทียบเคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จำเป็นจะต้องเพิ่มบทบาทอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของระบบเศรษฐกิจที่มีสัดส่วนภาคบริการต่อ GDP ของไทยทรงตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 มาเป็นเวลานาน ให้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่มีสัดส่วนของภาคบริการร้อยละ 70-80 ของ GDP และมีสัดส่วนการจ้างงานในภาคบริการที่สูงสอดคล้องกัน รวมทั้งผลิตภาพของแรงงานในภาคบริการของประเทศเหล่านั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น สศอ.จึงได้ร่วมกับ บริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาดำเนิน “โครงการศึกษากลยุทธ์การสร้างความเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมบริการของไทย ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ” ศึกษา และวิเคราะห์ภาพรวมของอุตสาหกรรมบริการในสาขาที่เกี่ยวข้องต่ออุตสาหกรรมการผลิต ภายใต้บริบทความตกลงการค้าเสรีของไทย (FTA) โดยได้ทำการศึกษาใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.อาหารแปรรูป 2.ยานยนต์และชิ้นส่วน 3.ปิโตรเคมี พลาสติกและผลิตภัณฑ์ 4.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ 5.สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวล้วนมีบทบาทสำคัญต่อประเทศไทยทั้งในด้านของมูลค่าการผลิต การค้าระหว่างประเทศ และการใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากความตกลงการค้าเสรีของไทยกับประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาในเบื้องต้น พบว่า สาขาการบริการที่เกี่ยวข้องต่อการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น 5 ประเภท ได้แก่ 1.สาขาบริการทางธุรกิจ (Business Services) ประกอบด้วย สาขาบริการย่อย ได้แก่ การบริการด้านวิศวกรรม การบริการวิจัยและพัฒนา การบริการให้คำปรึกษาด้านการจัดการและการตลาด การบริการทดสอบและตรวจสอบคุณภาพสินค้าและวัตถุดิบ การบริการที่เกี่ยวข้องต่อการเกษตร ป่าไม้ ล่าสัตว์ ประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การบริการที่เกี่ยวข้องต่อการผลิต การบริการจัดหาพนักงาน การบริการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการบริการบรรจุหีบห่อ
2.สาขาบริการจัดจำหน่าย (Distribution Services) ประกอบด้วย สาขาบริการย่อย ได้แก่ การบริการจัดจำหน่ายปลีก และการบริการจัดจำหน่ายส่ง 3.สาขาบริการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Services) ประกอบด้วย สาขาบริการย่อย ได้แก่ การบริการกำจัดของเสียและบำบัดของเสียอุตสาหกรรม 4.สาขาบริการทางการเงิน (Financial Services) ประกอบด้วย สาขาการบริการย่อย ได้แก่ การบริการประกันวินาศภัย และ 5.สาขาบริการการขนส่ง (Transportation Services) ประกอบด้วย สาขาบริการย่อยที่สำคัญ ได้แก่ การบริการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ และการบริการคลังสินค้า
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป สศอ.จะทำการประเมินผลกระทบด้านบวก และด้านลบต่อสาขาอุตสาหกรรมบริการ เพื่อนำไปสู่แนวทางการปรับตัว และจัดทำข้อเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าระหว่างประเทศของไทย และจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยที่เกี่ยวเนื่องต่ออุตสาหกรรมบริการในด้านต่างๆ โดยจะจัดการสัมมนา และรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละกลุ่ม ทั้งภาคการผลิต และบริการที่เกี่ยวข้องในวันอังคารที่ 7 มิถุนายน 2559 เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก คาดว่าผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์จะสามารถเผยแพร่ได้ในเดือนสิงหาคม ศกนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาธุรกิจการบริการของไทยสาขาการผลิตที่มีการขยายตัว ได้แก่ การบริการด้านวิศวกรรม การบริการวิจัยและพัฒนา การบริการให้คำปรึกษาด้านการจัดการและการตลาด การบริการทดสอบคุณภาพและวัตถุดิบ การบริการจัดหาพนักงาน การบริการจัดจำหน่ายปลีกและส่ง การบริการกำจัดของเสียและการบำบัดของเสียอุตสาหกรรม การบริการประกันวินาศภัย และการบริการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ ส่วนธุรกิจการบริการที่มีการหดตัวลงในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การบริการที่เกี่ยวข้องต่อการผลิต และการบริการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยการบริการทั้ง 2 สาขานี้มีระดับการผูกพันการเข้าสู่ตลาดบริการที่ต่ำมาก
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *