ปลัด สธ. อบรม “หมอใหม่” ย้ำ ห้ามโกง อย่าทำ ปชช. ผิดหวัง แบบโกงสอบ ม.รังสิต ฝากยึดหลัก 4 ข้อ บังคับตนเองได้ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ทำงานนึกถึงประชาชนเป็นหลัก นอบน้อมถ่อมตน เผยสัดส่วนหมอยังน้อย ภาระงานมาก พบ 3 ปี ย้อนหลังลาออกกว่า 3,200 คน
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการทุจริตสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในการเปิดอบรมปฐมนิเทศ และ เลือกสถานที่ปฏิบัติงานของแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2558 และทำสัญญาชดใช้ทุนกับ สธ. จำนวน 3,045 คน ประกอบด้วย แพทย์ 2,075 คน ทันตแพทย์ 620 คน และ เภสัชกร 350 คน ก่อนเริ่มปฏิบัติงานวันที่ 16 พ.ค. 2559 ว่า จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรก็ไม่ควรทุจริตหรือโกง เพราะมีแต่ทำให้ประเทศชาติแย่ลง แต่ที่คนให้ความสนใจกับข่าวการทุจริตสอบเข้าเรียนแพทย์ ทันตแพทย์ และ เภสัชกร ม.รังสิต เนื่องจากประชาชนมองว่า ทั้ง 3 วิชาชีพนี้ ภาพลักษณ์ต้องเป็นคนดี ไม่โกง แต่พอปรากฏข่าวโกงข้อสอบออกมาจึงรู้สึกผิดหวัง ดังนั้น จึงอยากฝากแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่กำลังจะไปปฏิบัติเพื่อชดใช้ทุนว่า อย่าทุจริต และในการทำงานขอให้ยึดค่านิยม 4 ประการ คือ MOPH ประกอบด้วย
1. Mastery คือ เป็นนายตัวเอง หมายถึงสามารถบังคับตนเองได้ อย่างการดูแลผู้ป่วยซึ่งต้องเจอผู้ป่วยที่มีความหลากหลาย เข้าใจว่า บางครั้งอาจมีอารมณ์บ้าง แต่หากสามารถบังคับตนเองได้ก็จะสามารถดูแลให้บริการผู้ป่วยด้วยคำพูดที่ดี 2. Originality คือ ต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา เนื่องจากประเทศไทยซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามามาก แต่คิดเองน้อย 3. People Centered Approach คือ จะดำเนินการสิ่งใดขอให้นึกถึงประชาชนก่อน ให้ถามตัวเองเสมอว่าทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์อะไร และ 4. Humility คือ มีความนอบน้อมถ่อมตน ซึ่งจะทำให้เราเข้าได้กับทุกที่ทุกคน เสมือนเป็นน้ำที่แทรกซึมได้ทุกที่ อย่าง สธ. เองต้องทำงานร่วมกันกับคนเยอะ โดยเฉพาะภาคีเครือข่าย การให้เขามาช่วยเหลืองานก็จำเป็นที่จะต้องมีความนอบน้อม นอกจากนี้ ต้องปรับตัวและยอมรับความแตกต่างของผู้ร่วมงานที่เป็นสหวิชาชีพ ปัจจุบันนี้ไม่มีพื้นที่ในประเทศไทยที่ลำบากเกินจะไปอยู่ได้ จากความเจริญของการคมนาคมและการสื่อสารที่ดี ติดตามข่าวสารได้พร้อมกับคนในเมืองใหญ่
“การทำงานจะต้องเข้าใจในยุทธศาสตร์ของ สธ. ด้วย คือ การพัฒนาความเป็นเลิศ 4 ด้าน คือ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P Excellence) การจัดระบบบริการสุขภาพ (Service Excellence) การพัฒนาคน (People Excellence) และระบบบริหารจัดการที่มีคุณธรรม (Governance Excellence) ให้คุณค่าผู้ป่วยด้วยการ เข้าใจ เข้าถึง พึ่งได้ ส่วนปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ การกระจายตัว และกระจุกตัวของบุคลากรในแต่ละพื้นที่ยังมีความแตกต่างกัน โดยแพทย์สังกัด สธ. มี 18,014 คนทั่วประเทศ คิดเป็น 1 ต่อประชากร 3,648 คน ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุประเทศที่พัฒนาแล้วมีสัดส่วน 1 ต่อ 1,250 คน ส่วนทันตแพทย์มี 4,854 คน คิดเป็นสัดส่วน 1 ต่อ 13,549 คน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วมีสัดส่วน 1:2,000 คน ทำให้มีภาระงานหนักมาก ส่งผลให้ 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556 - 2558 มีแพทย์ ทันตแพทย์ สังกัด สธ.ลาออกแล้ว 3,221 คน เป็นแพทย์ 2,457 คน ทันตแพทย์ 764 คน ส่วนใหญ่ลาออกไปศึกษาต่อ และกลับภูมิลำเนา ซึ่ง สธ. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนกำลังคนด้านสุขภาพในภาพรวมของประเทศ” ปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่