บทความโดย รฐิยา อิสระชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเอสเอ็มอีFacebookประจำประเทศไทย
บรรดาธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เปรียบเสมือนศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจเหล่านี้ได้สร้างงานและรายได้ครึ่งหนึ่งหรือมากกว่าจำนวนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ของทุกประเทศในภูมิภาคนี้รวมกัน เฉพาะในประเทศไทย ธุรกิจเอสเอ็มอีทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมดในตลาด และยังก่อให้เกิดรายได้กว่า 41.1 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ2 เมื่อปี 2558
ธุรกิจเอสเอ็มอีมากมายได้ใช้ Facebook ในการต่อยอดธุรกิจและเข้าถึงลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ลูกค้าที่ห่างหายไป และลูกค้ารายใหม่ๆ ผ่านช่องทางมือถือ ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังใช้เวลาส่วนมากในแต่ละวัน อยู่บนมือถือ (มาเลเซียเฉลี่ยมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และไทยเฉลี่ยเกือบ 3 ชั่วโมงต่อวัน) โดยในระยะเวลาดังกล่าว ทุกๆ 5 นาที จะต้องมีการใช้งาน Facebook บนมือถือ 1 นาที
สำหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ จะต้องเชื่อมต่อกับพวกเขาผ่านทางมือถือ พวกเขาสามารถทำได้โดยง่ายจากแพลตฟอร์ม Facebook ที่มีผู้ใช้งานชาวไทยจำนวน 37 ล้านคน และ 241 ล้านคนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งใช้ Facebook อย่างต่อเนื่องทุกเดือน นั่นหมายถึงลูกค้าที่มีศักยภาพรายใหม่ๆ จำนวนกว่า 241 ล้านคนที่ต้องการเชื่อมต่อกับทั้งธุรกิจไทยและธุรกิจในประเทศของพวกเขา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ไม่รู้จบ และเราก็สังเกตเห็นว่าผู้คนมักจะมีส่วนร่วมกับธุรกิจที่สำคัญต่อพวกเขา เฉพาะในประเทศไทยประเทศเดียว ผู้ใช้ Facebook กว่า 74 เปอร์เซ็นต์ได้เชื่อมต่อกับเพจธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างน้อยหนึ่งเพจ
เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างและใช้งานเพจ Facebook อย่างมีศักยภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า สร้างความชื่นชอบในตัวแบรนด์ และสร้างการจ้างงาน ตัวอย่างเช่น คุณสุรีรัตน์และสามี เริ่มธุรกิจ JQ Seafood ในปี 2554 และเลือกสร้างธุรกิจบน Facebook ตั้งแต่วันแรก ปัจจุบัน JQ ได้บริการส่งปูม้านึ่งและอาหารทะเลสดใหม่กว่า 3 ตันในทุกๆ วัน ให้กลุ่มลูกค้าครอบครัวและพนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ และตัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศไทย ในวันนี้ คุณสุรีรัตน์ยังคงใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักในการติดต่อและจำหน่ายสินค้า ด้วยงบโฆษณา Facebook เพียง 1,000 บาทต่อวัน โดยวันแม่แห่งชาติในปี 2557 บริษัทสามารถสร้างยอดขายเป็นประวัติการณ์ได้สูงถึง 2 ล้านบาท
เหล่านี้คือเคล็ดลับสำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีร้านค้าออนไลน์ หรือกำลังคิดจะเปิดร้านบน Facebook และต้องการใช้งานเพจ Facebook ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1) เริ่มต้นสร้างเพจ
ใครก็ตามที่ใช้ Facebook ก็สามารถสร้างเพจธุรกิจของตัวเองได้ ธุรกิจส่วนมากใช้โลโก้สินค้าเป็นรูปโปรไฟล์ ซึ่งจะกลายเป็นภาพขนาดเล็ก (Thumbnail) ที่ปรากฏบนฟีดของผู้ใช้ เมื่อคุณโพสต์อะไรก็ตาม หลักการง่ายๆคือไม่ควรเปลี่ยนภาพประจำตัวเพจธุรกิจของคุณ ภาพที่แบรนด์ใช้ควรมีความสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้คนรับทราบได้ในทันทีว่าโพสต์นี้มาจากแบรนด์ใด
เมื่อคุณจัดการสร้างเพจแล้ว คุณสามารถโปรโมทให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณทราบว่าคุณเป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ด้วยการยืนยันเพจผ่านเครื่องหมายถูกสีเทา คุณยังสามารถแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าคุณตอบคำถามพวกเขาได้รวดเร็วแค่ไหน ผ่านการอัพเดทอัตราความเร็วในการตอบกลับของคุณบนเพจ และเพิ่มปุ่มที่สร้าง Call-to-Actionเพื่อนำเสนอช่องทางให้ลูกค้าซื้อ จองสินค้า และสมัครเข้ารับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
2) เน้นที่ตัวคอนเทนต์
สร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ เนื่องจากคนส่วนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นเนื้อหาจากช่องทางดังกล่าว ดึงดูดความสนใจและนำเสนอข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้มือถือที่มักมีช่วงความสนใจสั้น ใช้รูปภาพที่ส่งต่อความรู้สึกดีๆ หรือสร้างความตื่นตาตื่นใจ หรือใช้วิดีโอแบบเล่นอัตโนมัติเพื่อให้ธุรกิจของคุณนั้นมีความโดดเด่นบนฟีด
วิดีโอเป็นสื่อที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อกับลูกค้าของคุณผ่านทางภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว สิ่งสำคัญคือคุณต้องดึงดูดความสนใจของผู้รับชมภายใน 3 วินาทีแรก หรือที่เรียกว่า "การประกวดภายใน 3 วินาที" 65 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ชมวิดีโอ 3 วินาทีแรก จะรับชมต่ออย่างน้อยอีก 10 วินาที และ 45 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนี้จะรับชมวิดีโอต่อเนื่องไปอีก 30 วินาที
อย่าลืมใส่คำบรรยายเมื่อใช้วิดีโอ จากการสำรวจภายในบริษัท Facebook พบว่า 41 เปอร์เซ็นต์ของวิดีโอนั้นไร้ประสิทธิภาพเมื่อไม่มีเสียง และมีผู้คนจำนวนมากที่รับชมวิดีโอแบบปิดเสียงเอาไว้ ดังนั้นคุณจึงควรใส่คำบรรยายใต้วิดีโอ โลโก้ และสินค้า เพื่อนำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจนแม้จะไร้เสียงก็ตาม
หากคุณมีลูกค้าจากต่างประเทศ ลองสร้างโพสต์ในภาษาท้องถิ่นของพวกเขา และกำหนดเวลาโพสต์ให้เฉพาะพวกเขาเท่านั้น
3) กำหนดกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม
ใช้ข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่คุณมีอยู่ เพื่อสื่อสารถึงลูกค้าของคุณบน Facebook จับคู่อีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของพวกเขา และเข้าถึงพวกเขาผ่านทางโทรศัพท์มือถือคุณยังสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเดิมเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่อีกด้วย เพียงแค่ใช้ข้อมูลลูกค้าเดิมที่มีอยู่ แล้วค้นหาลูกค้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน บน Facebook ด้วยฟังก์ชั่น Lookalike Audienceเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยการกำหนดเรื่องราวความสนใจ หรือกำหนดสถานที่และลักษณะทางด้านประชากร และอย่าลืมย้ำเตือนลูกค้าที่ยังไม่ได้ทำการสั่งซื้อ ถึงสินค้าดีๆ ที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ในตะกร้า
4) หมั่นวัดผลธุรกิจ
การทราบว่าเงินลงทุนโฆษณาที่คุณใช้ไป ก่อให้เกิดประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และช่องทางใดที่ผลักดันให้ธุรกิจของคุณเติบโต เป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าควรให้ความสำคัญกับสิ่งใด ลองใช้งานตัวจัดการโฆษณา(Ads Manager) ซึ่งทำได้มากกว่าการบอกปริมาณของการมีส่วนร่วมและจำนวนแฟน เพื่อเข้าถึงการวัดผลสำเร็จทางธุรกิจ อาทิ ยอดขาย การรับรู้ของแบรนด์ และผลลัพธ์ที่เกิดต่อเนื่องจากการลงโฆษณาออนไลน์ของคุณ
5) เรียนรู้เพิ่มเติม
โลกดิจิตอลมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ และสำคัญว่าคุณจะต้องพัฒนาไปพร้อมกับมัน อย่าหยุดเรียนรู้ ยกระดับทักษะของคุณด้วยคอร์สออนไลน์ของ Facebook เรียนรู้จากแบรนด์อื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ และเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ ก่อนที่จะเริ่มต้นและทดลองใช้งานจริง
ตอนนี้คุณได้เปิดหน้าร้านออนไลน์เป็นของตัวเองแล้ว ลองบอกต่อผู้คนถึงสิ่งดีๆ ที่คุณกำลังตั้งใจทำ คว้าเครื่องขยายเสียงและปูเสื่อรอต้อนรับผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้าสู่ร้านของคุณ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *