เมื่อทายาทธุรกิจ “ตลาดไอยรา” ศูนย์กลางกระจายผลไม้ระดับประเทศ อย่าง “สุพัช เดชเทวัญดำรง” วัย 28 ปี ก้าวมาต่อยอดธุรกิจครอบครัว ผุดแนวคิดแฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” เปิดทางให้หนุ่มสาวเข้ามาประกอบอาชีพขายผลไม้สดเกรดเอ ภายใต้เงื่อนไขจูงใจลงทุนน้อย รายได้ไม่ธรรมดา นับเป็นโมเดลธุรกิจจากคนรุ่นใหม่เพื่อคนรุ่นใหม่
สุพัช เดชเทวัญดำรง กรรมการบริหาร บริษัท พี เอส เมนแลนด์ จำกัด เล่าว่า จากที่ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้ครบวงจร ทั้งนำเข้าและส่งออก ศูนย์กลางกระจายผลไม้ ห้องเย็น และมีระบบขนส่งผลไม้โดยตรงถึงผู้บริโภค จึงมีพื้นฐานความพร้อมด้านวัตถุดิบผลไม้อย่างยิ่ง
เมื่อเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว พยายามมองหาช่องทางที่จะเสริมธุรกิจให้เติบโตมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะหาตลาดใหม่ เช่น บุกเบิกขายผลไม้ออนไลน์ “ดีลิเวอรี” มากว่า 1 ปีแล้ว รวมถึงคิดโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่มาประกอบอาชีพขายผลไม้สดเกรดเอ ในชื่อ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต”
“จากที่ผมสังเกต พ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบอาชีพขายผลไม้สดส่วนใหญ่จะเป็นคนอายุค่อนข้างมาก ส่วนคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจอยากจะมาทำอาชีพนี้เลย เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพลำบาก ต้องตื่นแต่เช้ามืด ขับรถกระบะไปซื้อผลไม้จากตลาดค้าส่งมาขายต่อ ส่วนแผงขายก็ดูไม่สะอาดสวยงามนัก” สุพัชระบุ
ดังนั้น เพื่อดึงดูดใจคนรุ่นใหม่อยากจะมาประกอบอาชีพขายผลไม้ แฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” จึงเน้นปรับภาพลักษณ์ให้เป็นอาชีพทันสมัย ร้านดูดี สวยงาม ขายเฉพาะผลไม้เกรดเอ และคนขายสะดวกสบาย รูปแบบคือ ทางบริษัทจะให้ผู้ลงทุน “ยืม” อุปกรณ์หลัก ประกอบด้วย “ตู้แช่เย็น 3 ประตู” เพื่อใช้เก็บสต๊อกผลไม้ กับ “ตู้โชว์สินค้า” ติดเครื่องปรับอากาศทำหน้าที่เป็นหน้าร้านขายผลไม้ และ “คีออสก์ ไอยรา” มูลค่ารวมกันกว่าแสนบาท
ในขณะที่ ผู้ซื้อแฟรนไชส์มีหน้าที่ “สั่งซื้อผลไม้ไปลงตู้ แล้วขายเท่านั้น” โดยยอดสั่งครั้งแรก ผลไม้เต็มตู้มูลค่าประมาณ 20,000 บาท สามารถเลือกชนิดผลไม้ได้ตามความต้องการ หลังจากนั้นยอดสั่งครั้งต่อไปหากมูลค่าเกิน 10,000 บาทจะจัดส่งให้ฟรี ถ้ายอดไม่ถึง 10,000 บาทคิดค่าจัดส่งครั้งละ 200 บาท ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถสั่งออเดอร์ผลไม้ได้ทุกวัน โดยจะมีรถห้องเย็นวิ่งนำผลไม้ไปส่งให้ถึงที่แบบวันต่อวัน
สุพัชเผยต่อว่า สำหรับเกณฑ์คัดเลือกผู้จะมาเป็นแฟรนไชส์นั้น เงื่อนไขสำคัญแรกคือต้องมี “ทำเลดี” มาเสนอ ซึ่งใช้เนื้อที่เปิดร้านประมาณ 3x3 เมตร ควรจะอยู่ในย่านชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง เช่น สถาบันการศึกษา แหล่งธุรกิจ และคอมมูนิตีมอลล์ เป็นต้น เนื่องจากผลไม้ที่ขายเป็นเกรดเอ ข้อต่อมา จะต้องเป็นผู้ที่ตั้งใจอยากจะประกอบอาชีพนี้จริงๆ โดยเฉพาะอยากให้เป็นกลุ่ม start up ที่มีไฟและฝันอยากมีกิจการเล็กๆ เป็นของตัวเอง
ในส่วนรายได้จากการขายผลไม้ในแฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” นั้น เขาอธิบายว่า สำหรับราคาผลไม้ที่ส่งให้จะเป็นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนราคาที่จะนำไปขายปลีกนั้น เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์แต่ละรายกำหนดราคาเอง โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของทำเลและลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ โดยทางบริษัทจะมี “ราคากลาง” แนะนำให้ว่าควรจะขายที่เท่าใด โดยเฉลี่ยแล้วผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 20-30% จากราคาที่รับไปจากบริษัท
“สาเหตุที่เราให้ลูกค้ากำหนดราคาขายปลีกเอง เนื่องจากธรรมชาติของผลไม้จะมีระยะเวลาในการขายค่อนข้างสั้น และยังเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลต่างๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าช่วงผลไม้สดใหม่จะขายได้ราคาสูง แต่ถ้าใกล้สุกเต็มที่ปล่อยไว้ก็เน่าเสียก็จำเป็นต้องลดราคาต่ำลงมา หรือช่วงก่อนเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีน ที่ลูกค้าต้องการผลไม้ ก็สามารถขายได้ราคาสูงกว่าปกติ ดังนั้นบริษัทจึงให้ผู้ขายมีอิสระในการปรับราคาได้สะดวกที่สุด อย่างไรก็ตาม มีราคากลางให้ผู้ขายใช้เป็นข้อมูลประกอบการตั้งราคาด้วย” สุพัชอธิบายเสริม
สำหรับผลไม้ที่จะสั่งเข้าขายในแฟรนไชส์นั้น เจ้าของธุรกิจหนุ่มระบุว่า มีให้เลือกสั่งหลายสิบชนิด ทั้งหมดจะเป็นผลไม้ระดับพรีเมียม ทั้งผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น องุ่น แอปเปิล สาลี่ สตรอเบอร์รี เป็นต้น และผลไม้ไทยต่างๆ เกรดเอเพื่อการส่งออก
ด้านบริหารแฟรนไชส์ จะทำสัญญาร่วมกัน เบื้องต้นอายุ 1 ปี โดยบริษัทมีทีมให้คำปรึกษาดูแลทุกด้านตลอดอายุสัญญา เช่น อบรมก่อนเปิดร้าน ระบบจัดส่งสินค้า และแนะนำทำเล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีเงื่อนไขสำคัญว่า ผู้ซื้อแฟรนไชส์ห้ามนำผลไม้จากแหล่งอื่นๆ เข้าขายในตู้ของ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” เด็ดขาด หากผิดเงื่อนไขจะยึดอุปกรณ์คืน และยกเลิกสัญญาระหว่างกัน
เมื่อถามถึงอัตราการคืนเงินลงทุน เขาระบุว่า ธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 35,000 บาท แบ่งเป็นค่าสั่งผลไม้งวดแรกประมาณ 20,000 บาท ที่เหลือใช้ค่าเช่ากับค่าจ้างพนักงาน เป็นต้น ระยะเวลาคืนทุน 1-3 เดือนแล้วแต่ทำเล หากผู้ซื้อแฟรนไชส์ขายผลไม้งวดแรกได้หมดก็จะคืนเงินลงทุนแล้ว
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงบอกด้วยว่า แฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” เปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีสาขาแฟรนไชส์ 3 แห่ง ประกอบด้วย ย่านสมุทรปราการ ย่านพุทธมณฑล และย่านสวนหลวง ร.9 ทั้งหมดมีกำไรขั้นต่ำเกินหลักหมื่นบาทต่อเดือน ส่วนเป้าหมายในปีนี้ (2559) จะขยายสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 10 แห่ง
“เนื่องจากแฟรนไชส์นี้เป็นโมเดลใหม่ที่ทางบริษัทต้องลงทุนให้ยืมอุปกรณ์มูลค่าค่อนข้างสูง ผมจึงอยากให้มีสาขาแค่ 10 แห่งก่อน คัดเฉพาะรายที่ตั้งใจจริงๆ และผมจะใช้ช่วงปีนี้พิจารณาถึงจุดอ่อนจุดแข็งของโมเดลธุรกิจ หากได้ผลดี ในปีต่อๆ ไปค่อยขยายจำนวนแฟรนไชส์ให้มากยิ่งขึ้นกระจายไปทั่วประเทศ เมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นช่องทางกระจายผลไม้ที่กว้างใหญ่ของบริษัท นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่วงการขายผลไม้มากยิ่งขึ้นด้วย” สุพัชทิ้งท้ายถึงแผนธุรกิจที่คาดไว้
สนใจลงทุนแฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” ติดต่อ 09-5575-5135
เงื่อนไขแฟรนไชส์ “ไอยราพรีเมี่ยมฟรุ๊ต” |
-บริษัทให้ยืมอุปกรณ์ “ตู้แช่เย็น 3 ประตู” กับ “ตู้โชว์สินค้า” -อายุสัญญาเบื้องต้น 1 ปี -ผู้ซื้อแฟรนไชส์มีหน้าที่แค่สั่งซื้อผลไม้ และขาย -ต้องมีทำเลดีมาเสนอ/ตั้งใจประกอบอาชีพนี้จริงจัง -ห้ามนำผลไม้จากแหล่งอื่นๆ มาขาย -กำไร 20-30% จากราคารับจากบริษัท -ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 35,000 บาท -คืนทุน 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับยอดขายและทำเล) |
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *