รองนายกฯ เผยยุทธศาสตร์ปฏิรูปเศรษฐกิจไทย สร้างสังคมแห่งความคิดใหม่ เกิด Start up ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ และทุกกลุ่มอุตสาหกรรมของไทย พร้อมเตรียมตั้งกองทุนสนับสนุนผู้ประกอบการเลือดใหม่
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ต้องการให้เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจของไทย โดยเริ่มจากการสร้างสังคมแห่งความคิดใหม่ ให้เกิดกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Start up ขึ้นทั่วประเทศ และทุกกลุ่มอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งโรงเรียน มหาวิทยาลัย ต้องเป็นจุดเริ่มต้นบ่มเพาะความคิดสู่คนรุ่นใหม่อยากมาเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ
นอกจากน้้น รัฐบาลจะจัดตั้ง “สตาร์อัพ เซ็นเตอร์” เป็นศูนย์กลางระดับผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามาสู่ระบบลงทะเบียน เพื่อจะรู้จำนวน และความต้องการของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ นอกจากนั้นยังเตรียมที่จะหาแหล่งทุนให้สนับสนุนให้ด้วย ซึ่งมาจากกระทรวงการคลัง ธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
นอกจากนั้น ในวันที่ 24-27 มี.ค.ที่จะถึงนี้ได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมจัดงาน ‘Thailand Start up’ ซึ่งจะเป็นงานใหญ่ประจำปี รวบรวมกลุ่ม Start up จากทั่วประเทศมาไว้ร่วมกัน เพื่อแสดงศักยภาพ รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้และต่อยอด Start up อีกทั้งมีสถาบันการเงินต่างๆ มาแนะนำการเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีการจดทะเบียน Start up เพื่อจะได้รับรู้ความต้องการของผู้ประกอบการรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งงานนี้เราต้องการจะช่วยเหลือ Start up อย่างครบวงจรตามที่ Start up อยากได้มากที่สุด โดยคาดว่า ครม.จะอนุมัติเงินทุนสนับสนุนแผนดังกล่าวในอีกช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารตั้งวงเงินสนับสนุนเอสเอ็มอีไว้กว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะมีการเร่งปล่อยสินเชื่อสนับสนุนให้หมดภายในปีนี้ สำหรับวงเงินสินเชื่อดังกล่าวแบ่งเป็น สินเชื่อ 2,000 ล้านบาท และเป็นเงินทุนสนับสนุน 2,000 ล้านบาท และจะผลักดันลูกค้าเอสเอ็มรายใหม่ที่ผ่านการประกวดโครงการเอสเอ็มอีของธนาคารให้ได้รับเงินสนับสนุนปีละ 10-100 รายด้วย
สำหรับช่องทางการให้สินเชื่อนั้น ธนาคารแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่ม start up หรือกลุ่มธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท เงินทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3.99-4.99% กลุ่มที่สองเป็นลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพสูง วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50 ล้านบาท เงินทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5-6% ส่วนลูกค้ากลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50 ล้านบาท เงินทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5-6%
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ในการพัฒนาผู้ประกอบการนั้น ได้จัดสรรงบประมาณ 50 ล้านบาทเพื่อมาใช้ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ตั้งแต่กลุ่มนักเรียนนักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ โดยทางเอสเอ็มอีแบงก์จะมีทีมงามเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งเป็นที่ปรึกษาโครงการเพื่อจะพัฒนาให้เกิดเป็นธุรกิจได้จริง เกิดเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี กลุ่ม Start Up ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียและอยากเริ่มต้นธุรกิจ สามารถเดินเข้ามาติดต่อเอสเอ็มอีแบงก์ได้เลยนับแต่วันนี้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *