ความทรงจำเมื่อครั้งวัยเยาว์ได้หวนกลับมาอีกครั้งกับรสชาติขนมหวานที่สูญหายไป เขาและเธอเป็นผู้พลิกฟื้น “ขนมเอ็กโรลไข่ม้วน” (Egg Roll) ที่เคยรับประทานเมื่อ 25 ปีที่แล้วให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมใส่ใจในวัตถุดิบคุณภาพ เสมือนทำขนมให้คนในครอบครัว ที่ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจในความหวานกรอบรสชาติละเมียดละไม
เจมจิรา ระวังภัย หรือคุณแอน กับสามีชาวสิงคโปร์ นายฉีเหวียน หรือคุณแม็ก เจ้าของธุรกิจขนมเอ็กโรลไข่ม้วน (Egg Roll) คาปิโก๊ะ โดยนำความรู้พื้นฐานด้านเบเกอรีมาต่อยอด จนกลายเป็นขนมรสชาติกลมกล่อม ด้วยแป้งกรอบม้วนโรลเป็นแท่งๆ เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทุกเพศทุกวัย
โดยที่มาของธุรกิจนี้เกิดจากที่คุณแอนชื่นชอบการรับประทานขนมเป็นทุนเดิม และได้มีโอกาสรับประทานไข่ม้วนรังผึ้งจากประเทศญี่ปุ่นหลังน้องชายซื้อมาฝาก ซึ่งรสชาติอร่อยมาก และทำให้ความทรงจำวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง จากการรับประทานขนมชนิดนี้ ทำให้เธอต้องการรื้อฟื้นสูตรขนมดังกล่าวว่าทำอย่างไร จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และประจวบเหมาะกับสามีต้องการให้ลาออกจากงานประจำเพื่อหาเวลาให้ครอบครัวบ้าง
เธอจึงคิดว่าหากพลิกฟื้นขนมไข่ม้วนโบราณออกมาได้สำเร็จ น่าจะยึดเป็นรายได้หลักได้ แถมยังมีธุรกิจเป็นของตนเองตามที่วาดฝันไว้ ทำให้ตลอดระยะเวลา 4 เดือนเธอลองผิดลองถูก ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อเนรมิตขนมในตำนานให้ฟื้นคืนอีกครั้ง สุดท้ายได้รสชาติเป็นที่พอใจ จึงทดลองขายครั้งแรกเมื่อปี 2557 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมสร้างแบรนด์ “คาปิโก๊ะ” (Kapiko) ชูโลโก้เป็นเด็กผมฟูน่ารัก
“คาปิโก๊ะ เป็นจินตนาการสมัยเด็กๆ ของสามี จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะใช้ชื่อนี้ทำเป็นแบรนด์ขนม ชื่อว่า “KAPIKO” เพราะเราเชื่อมั่นว่าขนมที่ทำแต่ละอย่างนั้นคือความรัก ความใส่ใจ เราเน้นคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เสมือนกับทำให้คนรักได้รับสิ่งที่ดี และเมื่อได้รับประทานขนมแล้วทำให้นึกถึงเรื่องราวสมัยตอนเด็กๆ อีกครั้ง ซึ่งครอบครัวเราหลงใหลในการทำอาหารและการทำขนม เบเกอรีต่างๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว ด้วยเป็นคนที่ชอบสังเกตและลองชิมขนมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และขนมไทย ซึ่งขนมแต่ละที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นโดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เกิดความคิดอยากทำขนมที่อร่อย และจากความชอบจนกลายเป็นการฝึกฝนทำขนมเองอยู่บ้านหลังจากว่างงานนั่นเอง”
จุดเด่นของขนมเอ็กโรลไข่ม้วนคาปิโก๊ะ อยู่ที่เนื้อแป้งและวัตถุดิบที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี เน้นเพื่อสุขภาพ เปรียบเสมือนทำขนมให้คนในครอบครัวรับประทาน เริ่มจากเนื้อแป้งจะไม่เหมือนทองม้วน แม้จะดูผิวเผินเหมือนทองม้วนก็ตาม ซึ่งขนมของคาปิโก๊ะแป้งจะหนากว่า แต่ยังคงความกรอบ หวานหอม กลมกล่อม ด้วยเนยแท้จากนิวซีแลนด์ และไข่ไก่สดจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ทำให้รสชาตินุ่มละมุนลิ้น ปราศจากผงฟู ใช้น้ำมันรำข้าวในส่วนผสมแทนน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ และหากรับประทานคู่กับชา กาแฟ น้ำผลไม้ จะช่วยเพิ่มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น
ช่วงแรกเนื้อแป้งของขนมคาปิโก๊ะเป็นแป้งธรรมดารสวานิลลา แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้นำงาดำ-งาขาว มาบดและผสมลงไปในเนื้อแป้ง เพื่อเกาะกระแสสุขภาพ ทำให้ทั้งคู่เกิดไอเดียนำวัตถุดิบอื่นๆ มาผสม เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ช็อกโกแลต ผสมอบเชย เพื่อลดความร้อนจากช็อกโกแลต, กาแฟ จากเกาะสุมาตรา ที่มีลักษณะเฉพาะตัวในเรื่องความหอม เมื่อผ่านการอบด้วยความร้อนจะยังคงหอมกรุ่น, ชาเขียวผสมงาดำ เป็นต้น โดยอนาคตจะเพิ่มรสฟักทอง สตรอว์เบอร์รี ลำไย และกล้วยหอม ต่อไป
สนนราคาอยู่ที่ถุงละ 30 บาท (2 ชิ้น) ในบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ โดยขนมเอ็กโรลไข่ม้วนจะวางในถาดพลาสติกสองช่อง ที่สามารถนำมาทำเป็นถาดใส่เหรียญได้ ส่วนขนมเก็บได้นาน 1 เดือน โดยลูกค้าต้องสั่งล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน หากสั่งซื้อในปริมาณไม่เกิน 100 ถุง แต่หากเกินต้องรอ 4 วัน เพราะทุกขั้นตอนล้วนทำมือ มีเครื่องจักรช่วยเพียงเล็กน้อย
อนาคตเขาทั้งคู่มองไกลถึงตลาดส่งออก แต่ต้องรอพัฒนาให้เก็บได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปีก่อน พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตที่จากเดิมผลิตได้วันละ 200 ถุงเท่านั้น ซึ่งประเทศไต้หวัน และฮ่องกง เป็นตลาดที่มองเป็นอันดับแรก
***สนใจติดต่อ 08-5005-0065 หรือที่ www.kapiko.com***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *