แต่งร้านสุดแนว ผสมผสานทั้งบ้านไม้ไทยโบราณ จัดสวนสไตล์ยุโรป อุปกรณ์แต่งร้านแนววินเทจ ในขณะที่ภาชนะกลับโมเดิร์น ส่วนเมนูยึดฟิวชันไร้ขีดจำกัด พร้อมดนตรีแสดงสดสุดแนว บรรเลงให้รื่นรมย์ระหว่างรับประทาน
ความแตกต่างขัดแย้งกันเหล่านี้กลับรวมอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวที่ร้านอาหาร “แซ่บ อินดี้” (SAB indy) ซึ่งหนึ่งในเจ้าของกิจการคือ “ประกาศิต โบสุวรรณ” หรือ “เดอะ ปั๋ง” นักดนตรีและนักแสดงรวยอารมณ์ขำที่เข้ามาบริหารจนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
นักดนตรีหนุ่มเริ่มต้นเล่าแรงบันดาลใจที่มาทำธุรกิจร้านอาหารว่า ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นหน้าใหม่ในวงการ เพราะครอบครัวของเขาเคยเปิดร้านอาหารมาก่อน เรียกได้ว่าคลุกคลีอยู่กับธุรกิจนี้ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งส่วนตัวเคยเปิดร้านอาหารชื่อ “Film Maker” ย่านบางเขน เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยซ้ำ รวมถึงเคยเปิดร้านอาหารชื่อ “สโมสร” อยู่แถวถนนเลียบทางด่วนอาจณรงค์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยหน้าที่งานดนตรีและงานแสดงทำให้ช่วงหลังห่างจากการทำร้านอาหารไปบ้าง จนเมื่อปีที่แล้วได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมหุ้นทำร้าน “แซ่บ อินดี้” ซึ่งเปิดมาแล้วกว่า 4 ปี อยู่ย่านถนนเกษตรนวมินทร์ โดยเจ้าของรายเดิมรู้สึกอิ่มตัว ต้องการหานักลงทุนรายใหม่มาสานต่อ
จากที่เห็นว่าร้านนี้มีฐานลูกค้าอยู่พอสมควร ช่วยการันตีความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับเห็นจุดเด่นเรื่องที่ตั้งอยู่ในทำเลดี เขาและเพื่อนๆ รวม 10 หุ้นส่วนเลยตัดสินใจเข้าเทกโอเวอร์กิจการ
คุณปั๋งเล่าต่อว่า ร้าน “แซ่บ อินดี้” โฉมใหม่วางจุดยืน การผสมผสานกันระหว่างอาหาร “รสจัด” ให้แซบสมกับชื่อร้าน มาผนวกกับการแสดงดนตรีสด สไตล์ “อินดี้” ซึ่งเป็นเพลงเพราะๆ แต่หาฟังได้ยากจากร้านอาหารทั่วไป ส่วนรูปแบบต่างๆ ภายในร้านทั้งการแต่งร้าน หรือเมนูอาหาร ไม่มีการกำหนดตายตัว หากแต่นำ “ความชอบ” ของหุ้นส่วนสมาชิกแต่ละคนมาผสมผสานกันโดยไร้กรอบบังคับ
จากไอเดียแสบๆ คันๆ ดังกล่าว ในร้านจึงเห็นความแตกต่างที่ลงตัวอบอวลอยู่ทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งที่โครงสร้างเป็นบ้านไม้ไทยโบราณ แต่จัดสวนสไตล์ยุโรป อุปกรณ์แต่งร้านเป็นของโบราณ ส่วนภาชนะกลับโมเดิร์น ด้านเมนูประยุกต์รวมกันทั้งอาหารไทย อีสาน ตะวันตก เป็นต้น ความหลากหลายที่กล่าวมาหากเหลือบมองไปที่กำแพงร้านคงไม่แปลกใจว่าทำไมร้านแห่งนี้ถึงสุดแนว เพราะมีคำขวัญบ่งบอกตัวตนติดไว้ชัดเจน คือ “กูเป็นอินดี้... ชอบทำตามใจตัวเอง”
“ร้านแซ่บอินดี้รูปแบบเดิมจะเป็นลักษณะร้านแนวผับเต้นๆ มากกว่า แต่เรามาปรับให้เป็นร้านอาหารในบรรยากาศสบายๆ ใครๆ ก็เข้ามานั่งได้ ซึ่งการวางรูปแบบร้านให้มีเมนูรสจัดแปลกๆ และได้มาฟังเพลงอินดี้ง่ายๆ สบายๆ ไปด้วยมันน่าสนุกดี เพราะลูกค้าจะได้ทั้งมีความสุขจากรสชาติอาหารและการฟังเพลง ขณะที่รูปแบบร้าน ทั้งเรื่องการแต่งร้าน เมนูอาหาร เราก็ไม่กำหนดสไตล์ไว้ก่อนเลย แต่เอาความชอบของหุ้นส่วนแต่ละคนมาแชร์กันให้ร้านนี้ออกมาเป็นบรรยากาศสบายๆ ที่สุด”
ร้านอาหารสุดแนวโฉมใหม่ภายใต้การบริหารของนักดนตรีหนุ่มเริ่มเปิดบริการเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา รองรับลูกค้าได้ประมาณ 400 คน ปรากฏว่าได้รับความสำเร็จอย่างสูง ลูกค้าแน่นแทบทุกวัน จนระยะเวลาเพียง 6 เดือนขยายเปิดสาขาสองอยู่ที่แถวถนนสุคนธสวัสดิ์ 25 เริ่มบริการเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง
เขาเผยว่า สาขาสองรูปแบบร้านยังยึดไอเดียเดียวกับสาขาแรกไม่เปลี่ยนแปลง โดยใช้เงินลงทุนในการพัฒนาร้านสาขานี้ประมาณ 4 ล้านบาท เนื้อที่ร้านประมาณ 1 ไร่ มีด้วยกันประมาณ 40 โต๊ะ รองรับลูกค้าประมาณ 300 คน ขณะนี้มีอัตราลูกค้าเข้าร้านแน่นประมาณ 60-70% ลูกค้ามีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงานไปจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งกลุ่มเพื่อน คู่รัก และครอบครัว เฉลี่ยรายได้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 60,000 บาท และคาดว่าจะคืนเงินลงทุนได้ภายในเวลา 1 ปี
เนื่องจากธุรกิจร้านแห่งนี้มีหุ้นส่วนด้วยกันถึง 10 ราย ในด้านงานบริหารป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน ประกาศิตระบุว่า ใช้วิธีการพูดคุยกันให้ชัดเจนในทุกกรณีตั้งแต่ก่อนร่วมทำธุรกิจด้วยกัน โดยจะแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนตามความถนัดและความสามารถ อย่างตัวเขาเองจะรับผิดชอบด้านการตลาด และประชาสัมพันธ์ ซึ่งหุ้นส่วนคนอื่นๆ ต้องยอมรับและเคารพในการตัดสินใจของหุ้นส่วนที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง รวมถึงหากจำเป็นต้องชี้ขาดในบางกรณีจะยึดตามลำดับของหุ้นส่วนที่มีสัดส่วนลงทุนสูงสุดเสียก่อน เช่นเดียวกับเรื่องผลตอบแทนต่างๆ กำหนดชัดเจน และทำบัญชีอย่างโปร่งใส
เมื่อให้นิยามถึงจุดเด่นประจำร้าน “แซ่บ อินดี้” เขาแจกแจงเป็นข้อๆ อันดับแรกสุด คือ รสชาติอาหารอร่อย โดยฝีมือแม่ครัวที่คัดเลือกมาอย่างดี ตามด้วย ราคาอาหารที่เป็นธรรม โดยคิดราคาที่บวกกำไรสมเหตุสมผล เช่น ส้มตำถาด แซ่บอินดี้ 150 บาท ส้มตำไทย 60 บาท และชุดจิ้มจุ่มทะเล 140 บาท เป็นต้น
ข้อต่อมา บรรยากาศร้านสบาย ออกแบบให้มีหลังคาสูงโปร่ง เหมาะแก่การนั่งกินอาหาร และมีการแสดงดนตรีสดจากนักร้องและนักดนตรีที่เชื่อว่าฝีมือดี หลายรายมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เช่น อิน บูโดกัน ปิงปอง ศิรศักดิ์ และมิสเตอร์ทีม เป็นต้น ที่จะหมุนเวียนมาร้องประจำที่ร้านสัปดาห์ละหนึ่งวัน และสุดท้าย หุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของร้านทุกคนจะสลับหมุนเวียนเข้ามาดูแลกิจการด้วยตัวเอง
“สำหรับผม การทำธุรกิจร้านอาหารมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ผมเชื่อว่าอย่างไรเสียหัวใจสำคัญที่สุดของร้านคือ “ความอร่อย” ต้องมาเป็นอันดับแรก ตามด้วยราคาที่สมเหตุสมผล และบริการที่ดี ไม่ว่าร้านจะแต่งร้านสวยแค่ไหน ถ้าอาหารไม่อร่อยไม่มีทางสำเร็จ และจากประสบการณ์ในการทำร้านอาหารของผมที่ผ่านมา ร้านที่จะรอดได้เจ้าของต้องลงมาคลุกคลีดูแลด้วยตัวเองเสียก่อน และควรมีความรู้ในหน้าที่ต่างๆ ภายในร้านให้มากที่สุด จนเมื่อร้านแข็งแรงพอจะเดินเองได้แล้วค่อยหาผู้ช่วยมาแบ่งเบาภาระ” คุณปั๋งกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนการทำตลาด ทางร้านจะมีการจัดกิจกรรมสม่ำเสมอ เช่น จัดอีเวนต์พิเศษตามเทศกาลต่างๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจจากลูกค้า รวมถึงจัดมินิคอนเสิร์ตเฉลี่ยเดือนละครั้ง อย่างในวันที่ 12 ก.พ. 2559 จะเปิดฟรีคอนเสิร์ต “สุเมธ แอนด์ เดอะปั๋ง” เป็นต้น
นักดนตรีหนุ่มยอมรับว่า ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ยาก เพราะมีความละเอียดซับซ้อนสูง ปัญหาต่างๆ เรียงคิวให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา เช่น แม่ครัวโดนชิงตัว พนักงานลาออก ต้นทุนซื้อวัตถุดิบรั่วไหล ฯลฯ ผู้ที่จะทำธุรกิจนี้ได้ อันดับแรกควรจะต้องมีใจรักงานบริการจริงๆ และต้องรู้จักดูแลความรู้สึกให้เกิดความสบายใจแก่ทุกฝ่าย ทั้งลูกค้า และพนักงานร้านด้วย
“ทุกวันนี้มีคนอยากทำร้านอาหารกันมาก แต่จากที่ผมได้ข้อมูลมา สมมติว่ามีร้านเปิดใหม่ประมาณ 100 แห่ง ในปีต่อมาจะเหลือร้านที่รอดไม่เกิน 30% และปีต่อมาจะเหลือแค่ 20% ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ยอมรับว่าถ้าประสบความสำเร็จมันเป็นธุรกิจที่คืนเงินได้เร็ว ดังนั้น คนที่อยากจะเข้ามาทำ คุณต้องดูตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน”
นี่เป็นอีกหนึ่งบทบาทของเดอะปั๋ง ที่นอกจากฝีมือการแสดงและเล่นดนตรีจะจัดจ้าน ไอเดียในการทำธุรกิจร้านอาหารก็จี๊ดจ๊าดไม่แพ้กัน
ติตต่อ โทร. 08-5664-4645 หรือ FB: zapzapindy
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *