กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตือนผู้ค้างาช้างทั่วไทย ทั้งที่ขึ้นทะเบียนและยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ต้องขออนุญาตค้างาช้างตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ก่อน 21 เมษายนนี้ เตรียมลงพื้นที่แจ้งข่าวสารแก่ผู้ประกอบการให้เข้าใจกฎหมายใหม่
นายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย คนที่ 1 เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีความกังวลเกี่ยวกับผู้ประกอบการค้างาช้างที่ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตค้างาช้างตาม พ.ร.บ.งาช้างฉบับใหม่ เนื่องจากมีโทษสูง คือ ปรับสูงสุดไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำและปรับ จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งลงพื้นที่ค้างาช้างทั่วประเทศเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายค้างาช้างฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
โดยล่าสุดกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ผนึกกำลังกับ 3 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่ค้างาช้างจำนวน 8 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร (ท่าพระจันทร์) นำโดย พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ และอีก 7 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สุรินทร์ บุรีรัมย์ เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุทัยธานี และภูเก็ต เพื่อให้คำแนะนำในการจัดเตรียมเอกสารคำขอแก่ผู้ประกอบการในการจดทะเบียนร้านค้างาช้าง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีงาช้างบ้านแจ้งการครอบครองภายในกำหนด
ด้านนายชัยณรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่เพื่อออกไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างบ้านที่ค้าอยู่เดิมก่อนพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับ ทั้งที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์แล้ว และยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ต้องขออนุญาตค้างาช้างจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก่อนจึงจะค้าต่อได้ โดยที่ร้านค้าจะต้องจัดทำบัญชีการได้มา บัญชีการแปรรูป และบัญชีการค้างาช้าง เพื่อควบคุมการค้างาช้างบ้าน มิให้มีการลักลอบนำเอางาช้างแอฟริกาเข้ามาปะปน ซึ่งเป็นการตัดวงจรขบวนการค้างาช้างแอฟริกาข้ามชาติที่ผิดกฎหมายตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยฉบับแก้ไข ซึ่งประเทศไทยต้องจัดทำรายงานความก้าวหน้าครั้งที่ 2 ส่งให้คณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ โดยหากประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำแนะนำของไซเตส อาจจะถูกคว่ำบาตรทางการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าตามบัญชีของอนุสัญญาไซเตสได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 42,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับการขออนุญาตค้างาช้างบ้าน และการแจ้งครอบครองงาช้างบ้านในท้องที่กรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในวันและเวลาราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สำหรับต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสาขา ภายในวันที่ 21 เมษายน 2558
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *