xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำข้าวเหนียวทุเรียน” เครื่องดื่มไทยเอาใจชาวจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สินค้าต้นแบบ “น้ำข้าวเหนียวทุเรียน”
เมื่อทายาทธุรกิจผลไม้กระป๋องส่งออก รุ่น 3 แบรนด์ “ช้างคู่” อย่าง “คณานันท์ ตั้งสัมพันธ์” เข้ามาสานธุรกิจครอบครัว ได้อาศัยพื้นฐานความพร้อมดั้งเดิมของบริษัท มาต่อยอดนำเสนอสินค้าใหม่ในรูปแบบเครื่องดื่ม “น้ำข้าวเหนียวทุเรียน” และ “น้ำข้าวเหนียวมะม่วง” มุ่งเจาะตลาดชาวจีนโดยเฉพาะ โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกถึงหลักร้อยล้านบาททีเดียว
คณานันท์ ตั้งสัมพันธ์ ทายาทธุรกิจ บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน)
ทายาทธุรกิจหนุ่ม แห่งบริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) เล่าว่า กิจการหลักของบริษัท ส่งออกสินค้าประเภทเครื่องกระป๋อง ทั้งผักและผลไม้ มากว่า 50 ปี ภายใต้แบรนด์ “ช้างคู่” หรือที่ตลาดต่างชาติจะรู้จักในชื่อ “ELEPHANTS” โดยมีตลาดหลักส่งไปยังประเทศจีน และฮ่องกง

จากความคุ้นเคยในตลาดดังกล่าว ทำให้รู้รสนิยมของชาวจีนว่า ชื่นชอบดื่ม “น้ำกะทิ” อย่างยิ่ง ขณะที่อาหารไทย ก็เป็นที่นิยมของชาวจีนสูงเช่นกัน โดยเฉพาะขนม “ข้าวเหนียวทุเรียน” และ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ถือเป็นเมนูยอดฮิตอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ประกอบกับบริษัท มีความพร้อมอยู่แล้ว ทั้งเครื่องจักร วัตถุดิบ และตลาด ฯลฯ เลยเกิดแรงบันดาลใจที่จะต่อยอดธุรกิจครอบครัว ด้วยการออกสินค้าใหม่ นั่นคือ เครื่องดื่มน้ำข้าวเหนียวทุเรียน และข้าวเหนียวมะม่วง
สินค้าดั้งเดิมของบริษัท
“ผมมองว่า ตลาดนี้มีความน่าสนใจมาก เพราะแค่เราขายเฉพาะชาวจีนในประเทศจีนอย่างเดียว มูลค่าก็มหาศาลแล้ว และอาหารไทยก็เป็นที่นิยมของชาวจีนอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่เลือกทำเป็นเครื่องดื่ม แทนที่จะเป็นขนม“ข้าวเหนียวทุเรียน” และ “ข้าวเหนียวมะม่วง” บรรจุกระป๋อง เพราะเครื่องดื่มเป็นเมนูที่ดื่มซ้ำได้ทุกวัน และดื่มได้เรื่อยๆ โอกาสในการซื้อซ้ำจึงมีมากกว่าสินค้าประเภทขนมที่ลูกค้าจะบริโภคแค่ชั่วคราว” คณานันท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การปรับจากขนมมาทำเป็นเครื่องดื่มนั้น ต้องพัฒนาสูตรให้เหมาะสมกับผู้บริโภค คณานันท์ อธิบายเสริมว่า การพัฒนาสินค้าดังกล่าว บริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ของตัวเอง ประกอบกับขอเข้ารับคำปรึกษาจากหน่วยงาน “สถาบันอาหาร” กระทรวงอุตสาหกรรม

โดยสูตรที่พัฒนาขึ้น ลักษณะความเข้มข้นของน้ำกะทิจะน้อยกว่าที่ใส่ในขนม เพื่อดื่มได้ง่าย ไม่เลี่ยน นอกจากนั้น ที่สำคัญ ในน้ำกะทิจะใส่ส่วนผสมของเนื้อข้าวเหนียวกับเนื้อผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน หรือมะม่วงสุก ผสมอยู่ด้วย เพื่อให้ดื่มไปแล้ว ยังได้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินขนมข้าวเหนียวทุเรียนหรือข้าวเหนียวมะม่วงอยู่เช่นเดิม รวมถึง อีกจุดเด่นคือ พัฒนาสูตรให้สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนหรือเย็น โดยอายุสินค้าสามารถเก็บไว้ได้นาน 1 ปี

“เราใช้เวลาวิจัยและพัฒนาร่วมกับสถาบันอาหาร อยู่ประมาณ 6 เดือน ภายใต้งบประมาณพัฒนาสินค้าหลักแสนบาท ซึ่งความยากอยู่ที่ทำให้น้ำกะทิคงสีขาวไว้สม่ำเสมอเพื่อให้ดูน่าดื่ม และไม่เกิดการแยกชั้น ระหว่างส่วนน้ำกับกะทิ รวมถึง ไม่มีตะกอนนอนก้น ส่วนเรื่องรสชาตินั้น ใช้วิธีส่งตัวสินค้าไปให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ประเทศจีนและฮ่องกงได้ทดสอบดื่ม หลังจากนั้นจะนำความคิดเห็นกลับมาปรับปรุง จนได้รสชาติที่กลุ่มตัวอย่างชื่นชอบมากที่สุด” คณานันท์ ระบุ และเสริมต่อว่า
 ในน้ำกะทิจะใส่ส่วนผสมของเนื้อข้าวเหนียวกับเนื้อผลไม้ด้วย
จากที่ได้ส่งสินค้าไปให้กลุ่มตัวอย่างทดสอบ ได้ผลตอบรับอย่างดีมาก ตัวแทนขายทั้งในจีนและฮ่องกง สั่งจองออเดอร์ล่วงหน้ามาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำบรรจุภัณฑ์ตัวสมบูรณ์ กับออกแบบโลโก้แบรนด์ ซึ่งจะใช้ว่า“ELEPHANTS” เช่นเดียวกับสินค้าเครื่องกระป๋อง ซึ่งเป็นแบรนด์ต่างชาติรู้จักดีอยู่แล้ว เริ่มส่งออกและวางตลาดจริงในเดือนพฤษภาคม 2558 นี้ โดยตั้งเป้าว่า เฉพาะปีแรกจะมียอดขายเกินกว่า 100 ล้านบาท

“ผมมั่นใจว่า เป้าที่วางไว้สามารถทำได้ เพราะตลาดเครื่องดื่มในจีนใหญ่มาก แค่เราแชร์ตลาดได้เล็กๆ แค่ 1% ก็มูลค่ามหาศาลแล้ว และจากที่เราได้ไปทดสอบตลาดกับกลุ่มเป้าหมาย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีออเดอร์ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งตามยอดที่สั่งมา ถ้าสม่ำเสมอทุกๆ เดือน ในระยะเวลาแค่6 เดือน มูลค่าเกิน 100 ล้านบาทแล้ว” ทายาทธุรกิจหนุ่มเผย

ทั้งนี้ ตลาดเป้าหมายหลักจะเน้นส่งออกที่ประเทศจีน และฮ่องกง เกือบ 100% ส่วนตลาดในประเทศไทยนั้น คงไม่เน้นมากนัก เพราะคนไทยไม่ชอบเครื่องดื่มที่มีความมันสูง โดยในเมืองไทยคงจะมีขายบ้างเล็กน้อยเฉพาะย่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ เพื่อไว้บริการชาวจีนที่มาเยือน โดยราคาขายปลีกที่กำหนดไว้ ในตลาดประเทศฮ่องกง ประมาณขวดละ 90 บาท ส่วนในประเทศจีน ประมาณขวดละ 50 บาท
สาเหตุที่เลือกทำเป็นเครื่องดื่ม เพราะเครื่องดื่มเป็นเมนูที่ดื่มซ้ำได้ทุกวัน และดื่มได้เรื่อยๆ  โอกาสในการซื้อซ้ำจึงมีมากกว่าสินค้าประเภทขนมที่ลูกค้าจะบริโภคแค่ชั่วคราว”
สำหรับเรื่องคู่แข่งนั้น เขาระบุว่า ในตลาดจีนและฮ่องกงเวลานี้ จะมีเฉพาะเครื่องดื่ม “น้ำกะทิ” เท่านั้น แต่ยังไม่มีเครื่องดื่มที่นำเสนอว่าเป็นน้ำข้าวเหนียวทุเรียน และน้ำข้าวเหนียวมะม่วงมาก่อนเลย นอกจากนั้น พยายามนำเสนอจุดเด่นเรื่องความเป็นสินค้าจาก “เมืองไทยแท้ๆ” ซึ่งได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าท้องถิ่นอยู่แล้ว รวมถึง พยายามสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง เพื่อจะป้องกันปัญหาที่ในอนาคตจะต้องโดยผู้ผลิตจากจีนลอกเลียนแบบสินค้าอย่างแน่นอน

“จากประสบการณ์ที่บริษัทเรา ส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนมานาน รู้ดีว่า สินค้าใดๆ ก็ตามที่ส่งไป จะต้องโดนเลียนแบบแน่นอน ที่ผ่านมา สินค้าของบริษัทหลายตัวก็โดนละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหาร แค่ปรับสูตรเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือเป็นสินค้าใหม่แล้ว ดังนั้น การจดสิทธิบัตรต่างๆ แทบจะไม่มีประโยชน์เลย ดังนั้น สิ่งสำคัญเราเลยให้ความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าจดจำว่าเราเป็นต้นตำรับและเป็นสินค้าจากเมืองไทยแท้ๆ” คณานันท์ ระบุ

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น