สสว. ยืนยัน “หม่อมอุ๋ย" ไม่เคยสั่งยกเลิกหนุนเอสเอ็มอี ตรงกันข้าม ให้ความสำคัญมากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา แจงเน้นวางโครงสร้างเพื่ออนาคตแก่เอสเอ็มอีไทยอย่างยั่งยืน ระบุพร้อมทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรัฐบาลใช้กำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริม
ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รักษาการ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า จากกรณีที่มีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs เข้าร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล (ชั่วคราว) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรณีไม่เห็นด้วยที่ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี" ด้านเศรษฐกิจ สั่งการให้ สสว. ยกเลิกส่งเสริมเอสเอ็มอีทุกรูปแบบและคงไว้แต่การทำยุทธศาสตร์เพียงอย่างเดียว
จากกรณีดังกล่าว เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดของกลุ่มผู้เรียกร้อง เพราะในความเป็นจริงนั้น ท่านรองนายกฯ ไม่เคยมีคำสั่งให้ยกเลิกการส่งเสริมเอสเอ็มอีใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำ เห็นได้จากล่าสุด ประการแรก ได้จัดสรรงบประมาณบูรณาการมาส่งเสริมเอสเอ็มอี ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในรัฐบาลชุดก่อนๆ ซึ่งงบประมาณดังกล่าว จะช่วยให้เกิดการช่วยเหลือเอสเอ็มอีในวงกว้างมากกว่าเดิม และเป็นการช่วยเหลือแบบครบวงจร เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในภาพรวม
ประการต่อมา การที่ท่านนายกฯ ได้กำหนดให้เอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ จึงมอบหมายให้ สสว. ทำหน้าที่เชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะด้านทำฐานข้อมูลเอสเอ็มอี เพื่อส่งต่อให้รัฐบาล ใช้กำหนดแผนช่วยเหลือและส่งเสริมเอสเอ็มอีได้ตรงเป้า ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือเอสเอ็มอีของ สสว. ได้ผนึกกำลังกับเครือข่ายหน่วยงานส่งเสริมเอสเอ็มอีต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงแรงงาน เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้เชื่อว่า จะช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งกว่า
จากทั้งสองประการข้างต้น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง โดยมี สสว.เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว จึงขอยืนยันว่า กรณีที่บอกว่า รัฐบาลจะยกเลิกการส่งเสริมเอสเอ็มอีนั้น ไม่เป็นจริงโดยสิ้นเชิง
ส่วนกรณีที่ผู้เรียกร้องระบุว่า แม้จะกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ แต่ที่ผ่านมา กลับไม่ได้ทำสิ่งใดเลยออกมาเป็นรูปธรรมนั้น ดร.วิมลกานต์ ชี้แจงว่า สิ่งที่รัฐบาล โดย สสว. ทำอยู่ขณะนี้ เป็นการวางโครงสร้างระยะยาว ที่จะก่อประโยชน์แก่เอสเอ็มอีในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเอสเอ็มอีต่อเนื่องยาวนาน แต่รัฐบาลชุดนี้ กำลังทำอยู่ขณะนี้ เช่น นาโนไฟแนนซ์ กองทุนร่วมลงทุนเอสเอ็มอี ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากผลักดันออกมาได้สำเร็จ จะเกิดประโยชน์แก่เอสเอ็มอีในระยะยาว มากกว่าโครงการส่งเสริมระยะสั้นๆ ที่เมื่องบประมาณหมดไป ก็ต้องยุติลงตาม
นอกจากนั้น ในส่วนของ สสว. เอง ก็มีการปรับองค์กรให้สอดรับกับภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายมาด้วย ดังนั้น อาจจะมีทั้งกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ซึ่งอาจนำมาสู่ความเข้าใจผิดตามข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *