ถือเป็นประจำในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเอสเอ็มอี จะออกมาคาดการณ์ทิศทางธุรกิจที่เชื่อว่า “รุ่ง” หรือ “ร่วง” จากการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา สรุปเทรนด์ธุรกิจที่คาดว่าจะเป็นไปในปีแพะ ดังนี้
เปิดโผธุรกิจดาวรุ่งประจำปี
-ธุรกิจสุขภาพ/เพื่อผู้สูงอายุ
ปัจจุบัน คนไทยหันมาให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพอย่างยิ่ง รวมถึง ประเทศไทยมีศักยภาพพร้อมเรื่องวัตถุดิบและความรู้ อีกทั้ง เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้สูง และมีโอกาสขยายไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องในกลุ่มนี้ มีอยู่หลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหารสุขภาพ เป็นต้น อีกทั้ง รู้กันดีว่า ประเทศไทยใกล้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเข้าไปทุกที ในแง่การทำธุรกิจเป็นโอกาสสำคัญในการจับตลาดลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก
-ธุรกิจความงามและบริการการแพทย์
สุภาพสตรีเป็นลูกค้าหลักในตลาดนี้ ยอมใช้จ่ายแลกกับบริการความสวยความงาม ที่ผ่านมา ธุรกิจกลุ่มนี้โดดเด่นทั้งด้านยอดขายและกำไร นอกจากนั้น ประเทศไทยยังได้รับความเชื่อมั่นของต่างชาติในเรื่องฝีมือด้านการแพทย์เพื่อความงาม โดยธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับเทรนด์นี้ ได้แก่ เครื่องสำอาง คลินิกเสริมความงาม และอาหารเสริม เป็นต้น
-ธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร
จากที่รัฐบาลให้ความสำคัญกำหนดเป็นนโยบายดิจิทัล อีโคโนมี รวมถึงการเติบโตอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ อีกทั้งการเข้าสู่ยุค 4 จี ส่งให้เข้าถึงโลกไอทีง่าย และจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้นด้วย นอกจากนั้น ยังเป็นเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่นิยมค้าขาย และซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ทั้งง่ายและสะดวก
-ธุรกิจท่องเที่ยว
สถานการณ์ทางการเมืองเรียบร้อย เป็นปัจจัยเอื้อแก่การท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึง นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนยังคงนิยมมาเยือนเมืองไทย ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้ เชื่อมโยงเอสเอ็มอีหลากหลาย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รถรับจ้าง รถเช่า บริษัททัวร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรเน้นรูปแบบอิงกระแสอิงธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
-ธุรกิจการศึกษา
สิ้นปี พ.ศ.2558 จะถึงเวลาเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แล้ว กลายเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความสำคัญเพิ่มขีดความสามารถของตัวเอง เตรียมพร้อมรับการแข่งขัน ส่งให้ธุรกิจการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องภาษาต่างประเทศ และความรู้ด้านไอที ได้รับความนิยม อีกทั้ง ปัจจุบัน ผู้ปกครอง อยากให้ลูกหลานมีทักษะความสามารถพร้อมเพื่ออนาคตที่ดี จึงยอมลงทุนส่งเข้าเรียนพิเศษ ช่วยให้ธุรกิจการศึกษาเติบโตสูง
-ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
แม้อัตราการเติบโตจะไม่สูงเหมือนในอดีต ทว่า คาดยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มดี เพราะประเทศไทย พร้อมเรื่องแหล่งวัตถุดิบ และเชี่ยวชาญด้านการผลิต ที่สำคัญเป็นสินค้ากลุ่มจำเป็นในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรปรับสินค้าให้เหมาะกับเทรนด์ฮิต เช่น อาหารแนวสุขภาพ รวมถึงมีบริการเสริม เช่น สั่งสินค้าออนไลน์ และบริการส่งดิลิเวอรี่
แจงธุรกิจกลุ่มเสี่ยงส่อร่วง
-ธุรกิจใช้แรงงานเข้มข้นและขาดนวัตกรรม
เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงเพราะใช้แรงงานจำนวนมาก และขาดเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใดๆ ทำให้ขายได้กำไรน้อย อีกทั้ง มีความเสี่ยงถูกบริษัทใหญ่ และคู่แข่งต่างชาติที่ต้นทุนผลิตต่ำกว่าชิงลูกค้าไป โดยธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ เซรามิก ผลิตภัณฑ์ไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น
-ธุรกิจกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
จากปัจจัยลบสำคัญที่หนี้ครัวเรือนสูง กระทบกำลังจับจ่ายของผู้บริโภคหดหายไป การเลือกซื้อสินค้าใดๆ ก็ตาม ลูกค้าจะให้ความสำคัญแก่สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันเป็นอันดับแรก ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือย จะถูกชะลอการซื้อไปก่อน หรือจะใช้จ่ายลดลง โดยธุรกิจที่มีความเสี่ยง เช่น ของขวัญของที่ระลึก งานหัตถกรรมต่างๆ เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน เป็นต้น
-ธุรกิจที่ไม่ตอบวิถีชีวิตคนยุคใหม่
กระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง การเติบโตของสังคมเมือง ทำให้บางธุรกิจตกกระแส ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ร้านโชห่วยดั้งเดิมที่เสียลูกค้าไปให้ร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ หรือซื้อผ่านออนไลน์แทน ร้านขายดีวีดีหรือแผ่นเสียงในขณะที่คนรุ่นใหม่ใช้วิธีดาวน์โหลดเพลง ร้านเครื่องไฟฟ้าที่ยังขายโทรทัศน์สีรุ่นเก่า เป็นต้น
-ธุรกิจสินค้าเกษตร
ปัจจัยสำคัญมาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ส่วนผักผลไม้ต่างๆ ราคายังไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนการส่งออกต่างประเทศ คาดว่าจะยังคงไม่ฟื้นตัวเช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ควรปรับตัวในการแปรรูปสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น หรือเน้นเป็นสินค้าเกษตรออแกนิก เพื่อขายตลาดบน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
