xs
xsm
sm
md
lg

ติวเข้มเชฟรุ่นใหม่ รู้จริงสูตรอาหารไทย"กินกะทิอย่างไรให้ได้ประโยชน์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ด้วยรสชาติที่อร่อยและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ของอาหารไทย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่อาหารไทยจะได้รับความนิยมและยกย่องจากนานาประเทศทั่วโลก และลงมติว่าเป็นสุดยอดเมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก โดยวัตถุดิบอย่าง "กะทิ" ถือเป็นเอกลักษณ์คู่ครัวในการปรุงอาหารคาวหวานของคนไทยมาแต่โบราณ ทั้งนี้หากขาดส่วนประกอบสำคัญของกะทิแล้ว รสชาติอาหารย่อมไม่หวาน มัน กลมกล่อมครบรส 

แม้กะทิจะเป็นภูมิปัญญาด้านอาหารแต่โบราณของคนไทย ที่เป็นส่วนผสมของอาหารคาวหวานแทบชนิด แต่ด้วยความเชื่อและค่านิยมที่เปลี่ยนไปของสังคมไทย ทำให้เกิดความเข้าใจว่าการบริโภคกะทิเป็นสาเหตุทำให้อ้วน คอเลสเตอรอลสูง จึงทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยพลอยกลัวมะพร้าวและไม่กล้ากินอาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ ทั้งที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นมีประโยชน์ต่อร่างกาย

ล่าสุดเพื่อเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้องในมุมมองของนักโภชนาการ "กินกะทิอย่างไรให้ได้ประโยชน์"กลายเป็นหัวข้อกิจกรรมเวิร์คช็อปในโครงการประกวดสูตรอาหารไทยจากกะทิอัมพวา ชิงรางวัลหัวกะทิอัมพวาครั้งที่ 2 จัดโดยบริษัท เอเซียติคอุตสาหกรรมเกษตร จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูป "อัมพวา" โดยมีน้องๆ ระดับอุดมศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วประเทศที่ผ่านรอบคัดเลือกประกวดสูตรอาหารไทยฯทั้งสิ้น 32 ทีม เข้าร่วมฟัง เพื่อให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ในการประกอบอาหารให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภค
 
โดยอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ อดีตโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเป็นวิทยาการ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวว่า ประโยชน์ของกะทิก็คือมีไขมันซึ่งเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมนุษย์ ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยการดูดซึม วิตามิน A,D,E,K เป็นส่วนประกอบของเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายช่วยห่อหุ้มอวัยวะและกระดูก ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ไม่แตกแห้ง ป้องกันการสูญเสียความร้อน และยังช่วยให้ร่างกายมีความอบอุ่น ให้กรดไขมันจำเป็นแก่ร่างกาย ซึ่งร่างกายสร้างไขมันบางชนิดไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น การได้รับไขมันในอาหารบ้างจะทำให้รู้สึกอิ่มนาน และเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารด้วย

หากถามว่ากินกะทิทำให้อ้วนจริงหรือไม่ เนื่องจากกะทิทำมาจากมะพร้าวซึ่งเป็นพืชจึงไม่มีคอเลสเตอรอล แต่เป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างเยอะ ซึ่งให้พลังงานสูง การกินแกงกะทิจำนวนมากหรือกินบ่อย ๆ อาจได้รับพลังงานเกินความต้องการของร่างกาย จนเกิดการสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมันสะสมในร่างกาย และทำให้อ้วนได้ เช่นเดียวกับอาหารประเภทอื่นๆ

การกินกะทิให้ได้ประโยชน์ คือการกินแต่น้อยเท่าที่จำเป็น อาทิใน 1 วันเราสามารถรับประทานน้ำมันไม่ควรเกิน 1 ช้อนชา ขณะที่เราสามารถทานกะทิได้ถึง 6 ช้อนชาต่อวัน เพราะกะทิมีคอเลสเตอรอลน้อยมากกว่าน้ำมันต่างๆ อีกทั้งควรรับประทานอาหารที่ครบถ้วนตามโภชนาการ 5 หมู่ และต้องกินให้ได้สัดส่วน ปริมาณที่เพียงพอไม่มากน้อยจนเกินไป รวมถึงมีความหลากหลาย เลี่ยงอาหารหวานจัด เค็มจัด มันจัด โดยเฉพาะอาหารที่มีกากใยสูง ผัก ผลไม้ ธัญพืช ช่วยให้การย่อย และการดูดซึมน้ำตาลช้าลง ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายสามารถดึงน้ำตาลที่อยู่ในเลือดไปใช้งานได้ทัน ไม่เกิดการสะสมมากเกินความจำเป็นของร่างกาย

หลังจากกิจกรรมเวิร์คช็อปที่ให้ความรู้กับน้องๆ ที่สนใจทางด้านการทำอาหารแล้ว สูตรอาหารทั้ง 32 สูตรที่ได้รับการปรับปรุงตามคุณค่าทางโภชนาการจะได้รับการตีพิมพ์ใน Cookbook เพื่อเผยแพร่ผลงานของน้องๆ จากการคิดสูตรอาหารไทยที่มีส่วนผสมของกะทิอัมพวาเพื่อเผยแพร่ด้วย

กิจกรรมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของ การประกวดแข่งขันคิดสูตรอาหารไทย จากกะทิอัมพวา ครั้งที่ 2 จัดโดยบริษัท เอเชียติคอุตสาหกรรมเกษตร จำกัด มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมทั้งหมด 94 ผลงานจาก 15 สถาบันทั่วประเทศ

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น