ในยุคนี้ ถ้าพูดถึงร้านสะดวกซื้อ การจะทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนรุ่นใหม่ เวลาเข้าร้านสะดวกซื้อ สิ่งแรกที่เขามอง คือ แบรนด์ ดังนั้น ทางเลือกของคนที่อยากจะเปิดร้านสะดวกซื้อ ก็คงต้องอาศัย แฟรนไชส์ วันนี้ เราได้รวบรวมแฟรนไชส์ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมาฝาก กัน
แฟมิลี่มาร์ท
ร้านสะดวกซื้อ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2524 นับเป็นร้านคอนวีเนียนสโตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น และเข้ามาในประเทศไทย เมื่อปี 2535 และขยายแฟรนไชส์ในไทยปี 2538 และในปี 2555 ทางบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ร่วมเซ็นสัญญาลงนาม ในสัญญาร่วมทุนกับ แฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น เปลียนชื่อใหม่จาก สยามแฟมิลี่มาร์ท เป็น เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท
ค่าแฟรนไชส์ 250,000 บาท
ข้อตกลง
1.ขั้นตอนการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) 50,000 บาท (ยังไม่รวม vat)เพื่อใช้ในการตรวจสุขภาพ, อบรมการบริหารร้าน และการสำรวจวิจัยทำเลเพื่อประเมินศักยภาพของทำเลก่อนเซ็นสัญญา
2. ขั้นตอนการเซ็นสัญญาแฟรนไชส์ (Franchise Agreement) ใช้เงินลงทุน ประมาณ 1 ล้านบาท
ผลตอบแทน : 40 % จากกำไรขั้นต้นก่อนหักค่าใช้จ่าย
(หาก 40% จากกำไรขั้นต้นก่อนหักค่าใช้จ่าย ต่ำกว่าที่บริษัทฯ รับรอง บริษัทฯ มีการประกันรายได้ขั้นต่ำให้)
หมายเหตุ : บริษัทได้เตรียมปรับโฉมร้านแฟมิลี่มาร์ทใหม่รอบ 20 ปี ให้เป็นร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าอาหารและขนม รวมถึงเครื่องดื่มวางจำหน่ายในร้านมากขึ้น
โทร. 02-255-8760 ,www.familymart.co.th
**************************
เซเว่น - อีเลฟเว่น
เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2470 ณ เมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทเซาท์แลนด์คอร์ปอเรชั่น
หลังจากนั้นก็ได้มีการเพิ่มจำนวนของสินค้าขึ้นอีกและในปี 2489 ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อร้านใหม่อีกครั้ง เป็น "เซเว่น - อีเลฟเว่น" ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ต้องการเปิดให้บริการลูกค้าทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 - 23.00 น. ต่อมาในปี 2506 ก็ได้มีนโยบายในการขายแฟรนไชส์โดยเริ่มต้นที่ยุโรป และใน ที่สุดเซเว่น - อีเลฟเว่น ก็ได้เข้าสู่เอเชีย ในปี 2516
และในปี 2532 เซเว่น - อีเลฟเว่นก็มาถึงเมืองไทย โดยทำการเปิดสาขาแรกขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532 ณ ถนนพัฒน์พงษ์ จุดเด่นของที่นี่คงจะเป็นในเรื่องของการจัดเรียงสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
โดยจะเน้นอาหารและเครื่อง ดื่มเป็นหลัก อีกทั้งเวลาของการเปิดให้บริการที่เปิดตลอด 24 ชม. จึงสนองความต้องการของกลุ่มผู้ บริโภคได้เป็นอย่างดี
ค่าแฟรนไชส์ 1,500,000 บาท
รูปแบบการลงทุน
ด้วยกัน3 ลักษณะ คือ 1.การที่บริษัทฯลงทุนเอง 2.การที่ผู้สนใจมาร่วมทุนกับบริษัทฯ เป็นแฟรนไชส์ 3.การรับสิทธิช่วงอาณาเขตจากบริษัทฯ โดยที่ผู้สนใจมีสิทธิขยายสาขาในพื้นที่ตามจำนวนและระยะเวลาที่กำหนด เป็น Sub-Area License
การสนับสนุนจากทางบริษัท
1.การลงทุนอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ
2.การตกแต่งร้านและปรับปรุงร้านค้า
3.การลงทุนสินค้าให้ตลอดอายุสัญญา
4.การให้ความรู้ และเทคนิคการบริหารการจัดการร้านค้า โดยการให้การอบรมทั้งภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบัติ
5.การให้บริการในด้านต่าง ๆ ตลอดอายุสัญญา ดังนี้
- การจัดส่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ไปช่วยเหลือในหน้าที่ต่าง ๆ ในช่วงเริ่มต้นดำเนินกิจการ
- การส่งเจ้าหน้าที่ ไปช่วยแนะนำให้คำปรึกษา แก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ หรือแล้วแต่กรณีที่ได้รับการร้องขอ
- การจัดส่งสินค้าที่มีประสิธิภาพและมีคุณภาพ อย่างสม่ำเสมอ
- การช่วยตรวจสอบคลังสินค้าคงคลัง
- การช่วยตรวจสอบมาตรฐานร้านค้าในด้านต่าง ๆ
- การแนะนำความรู้และเทคนิคที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อการพัฒนาปรับปรุงร้านให้ดีขึ้น
- การโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ และการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอตลอดไปตามแผนกำหนดของบริษัทฯ
- อื่นๆ
สนใจแฟรนไชส์ โทร. 0-2711-7800
***************************
เฟรชมาร์ท
เริ่มต้นจากบริษัทที่รับตกแต่งภายในและรับสร้างอุปกรณ์ต่างๆภายในร้านมินิมาร์ท เห็นว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีร้านสะดวกซื้อต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นระบบแฟรนไชส์ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้งบประมาณการลงทุนที่สูงและมีข้อสัญญาต่างๆ ผูกมัดอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นแรงจูงใจทําให้เกิดร้านสะดวกซื้อยุคใหม่ชื่อ "เฟรชมาร์ท - FRESH MART" ขึ้นมา
ด้วยระบบ แฟรนไชส์ที่บริหารงานด้วยคนไทย และข้อสัญญาที่ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน และด้วยงบประมาณการลงทุนที่ไม่สูงนัก และไม่มีการเรียกเก็บส่วนแบ่งยอดขาย
ค่าแฟรนไชส์ 790,000 บาท
จุดแข็งในการดำเนินธุรกิจเฟรชมาร์ท
1.ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee)
2.ไม่เก็บส่วนแบ่งยอดขาย
3.ระยะเวลาให้สิทธิประกอบการ 10 ปี
4.ไม่ต้องใช้หนังสือค้ำประกันธนาคาร (Bank Guarantee)
สิ่งที่ได้รับ
อุปกรณ์ทุกอย่างภายในร้านเป็นกรรมสิทธิของผู้เข้าร่วมแฟรนไชส์ ยกเว้น ตู้ PostMix, ตู้ JetSprey ตู้แช่นํ้าแข็ง (มีระบุภายใน "บันทึกข้อตกลง" แล้ว)
•ทางบริษัทฯ จะช่วยออกแบบ Layout สินค้าในร้าน โดยผู้เข้าร่วมแฟรนไชน์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้าน ตามแบบที่บริษัทกําหนด
•ทางบริษัทฯ จะจัดอบรมหลักสูตรการบริหารงานแฟรนไชส์ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างครบวงจร
•
•ทางบริษัทฯ มีแผนการส่งเสริมการขาย และแผนการโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านสาขา ตลอดทุกเทศกาลอย่างสมํ่าเสมอ
โทร. 0-2948-7261-9, www.freshmart.co.th
**********************
108 shop
จากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ได้ดำริให้จัดทำโครงการ 108 Shop
รูปแบบการลงทุน
•ร้าน 108 Shop คือร้านระดับรากหญ้าที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใน 1 ร้าน อาจจะมีหลาย หมวดสินค้า เช่น เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าเด็ก สินค้าใช้ประจำวัน สินค้าใช้ประจำบ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องหนัง รองเท้า ชุดชั้นในชาย ชุดชั้นในหญิง อาหารแห้ง อาหารสด ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องประดับ ยาสามัญ หนังสือ ของเจ สินค้าใน Catalog Sale ( Belle Maison ) และอื่นๆ
•ขนาดของร้านอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้แต่ไม่ควรใหญ่มากเกิน 200 ตรม.และไม่ควรเล็กกว่า 20 ตรม.
•สามารถขายสินค้าของทั้งในเครือสหพัฒน์และของบริษัทอื่นๆ ร่วมกันได้ โดยทางโครงการฯ จะติดตั้งป้าย 108 Shop ให้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามจริง (รวมถึงภาษีป้าย)
•ไม่มีการเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Franchise Fee) หรือค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Entrance Fee)
•คืน / เปลี่ยนสินค้าได้ภายใน 60 วัน (นับจากวันที่รับสินค้า)
•โดยผู้ประกอบการต้องมีสมุดเงินฝากออมทรัพย์ ในการทำธุรกรรมทางการเงินกับทางโครงการฯ เพราะใช้วิธีการโอนเงินเท่านั้น
•ร้าน 108 Shop จะไม่มีพนักงานขาย ไม่มีพนักงานเก็บบัญชี มีแต่ผู้สนับสนุนจากทางโครงการฯ คอยให้คำแนะนำให้ร้านขายได้ และประสบความสำเร็จ
•ทางโครงการฯ จะมีการแนะนำและอบรมวิธีการในการพัฒนาร้านให้กับผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการฯ ในเรื่องเกี่ยวกับวิธีการบริหารร้าน วินัยทางการเงิน การทำบัญชีร้านค้า เทคนิคการขายและบริการ และการดูแลในเรื่องความสะอาดเรียบร้อยของพื้นที่ขาย
•การสั่งซื้อสินค้าครั้งแรกอาจมีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 - 20,000 บาท จนถึงมูลค่า 200,000 - 400,000 บาท แล้วแต่ขนาดของพื้นที่ของร้าน
โทร 02-294-3024, www.108shop.co.th
*********************
ร้าน “SUNSTORE” แฟรนไชส์ ร้านสะดวกซื้อ
สำหรับงบประมาณการลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ร้าน แต่ทั้งนี้สามารถประมาณการได้ดังนี้
1.SUNSTORE ขนาดพื้นที่อาคารพาณิชย์ 1 คูหา หรือร้านที่มีพื้นที่ประมาณ 32 ตรม. งบประมาณการลงทุนประมาณ 690,000 บาท รวมสินค้างวดแรก 300,000 บาท งานตกแต่งร้านทั้งภายนอก/ภายใน แต่ไม่รวมค่าก่อสร้าง ระบบปะปา ระบบไฟฟ้า และระบบปรับอากาศ
2.SUNSTORE ขนาดพื้นที่อาคารพาณิชย์ 2 คูหา หรือร้านที่มีพื้นที่ประมาณ 84 ตรม. งบประมาณการลงทุนประมาณ 1,400,000 บาท รวมสินค้างวดแรก 550,000 บาท งานตกแต่งร้านทั้งภายนอก/ภายใน แต่ไม่รวมค่าก่อสร้าง ระบบปะปา ระบบไฟฟ้า และระบบปรับอากาศ
หมายเหตุ
รูปแบบ และงบประมาณการลงทุนที่พิจารณาตามศักยภาพของกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค และงบลงทุนของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
ผลตอบแทน
ทางบริษัทได้ทำการวิเคราะห์หาตัวช่วย เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานจริงกับร้าน SUNSTORE โดยการบริหารสินค้าภายในร้านให้ตรงกับความต้องการ และตรงตามพฤติกรรมซื้อสินค้าของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยการลดพื้นที่วางสินค้าที่มียอดขายต่ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้แก่สินค้าที่มียอดขายสูง และยังช่วยลดปริมาณการสูญเสียของสินค้าค้างสต็อกได้
การจัดวางสินค้าในรูปแบบใหม่ ยังทำให้ง่ายต่อการดูแลของพนักงาน และสามารถช่วยลดปริมาณการสูญหายของสินค้าได้ดี
การจัดผังวางสินค้าโดยแบ่งประเภทตามความต้องการในการเลือกซื้อของผู้บริโภค และสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม ทั้งหมดนี้คือ ผลตอบแทนที่ผู้ประกอบการร้าน SUNSTORE จะได้รับ
โทร. 0-2734-0553, www.sunstore2002.com
******************************
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *